14 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย.63 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท 0230/ว2158 ถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เรื่องแนวทางปฏิบัติในการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรของคนสัญชาติไทยจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางในพื้นที่จังหวัดชายแดน ที่มีแนวเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม 21 จังหวัด
โดยเริ่มอนุญาตให้คนไทยกลับเข้ามาผ่านจุดผ่านแดนถาวร วันละไม่เกิน 100 คน ต่อ 1 ช่องทาง เริ่มวันที่ 18 เม.ย.63 เป็นต้นไป ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ใน 21 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา และยังมีคนงานที่เป็นชาวไทยต้องการกลับประเทศอยู่กว่า 300 คน
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ 14 เม.ย.63 ที่ห้องประชุมแควน้อยชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อรองรับการเดินทางกลับประเทศของคนไทย ผ่านด่านทิกิ ประเทศเมียนมา-บ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ครั้งที่ 1/2563 โดยมีร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายอนันต์ นาคนิยม ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินตรา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี
นพ.นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ผู้แทนกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ผู้แทนมณฑลทหารบกที่ 17 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าร่วมประชุม
การประชุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง แต่อนุญาตให้เก็บภาพบรรยากาศก่อนการประชุมได้ เพราะเป็นการประชุมภายใน ทั้งนี้เมื่อนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ เดินทางมาถึง ก็ได้แจ้งเปลี่ยนห้องประชุม ไปเป็นห้องมณีกาญจน์ ที่อยู่ชั้น 2 แทน สำหรับการประชุมมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ระเบียบวาระ
ซึ่งระเบียบวาระที่สำคัญคือระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ ระบุว่า ด้วยจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ว่าคนไทยที่ทำงานก่อสร้างโครงการโรงแรมและบ้านพักที่บ้านทิกิ ประเทศเมียนมา ของบริษัทแห่งหนึ่ง อยู่กับบริษัทแห่งหนึ่ง มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อน
จากการประสานงานในเบื้องต้นทราบว่ามีจำนวน ประมาณ 389 คน 1 ใน 389 คน มีอาการป่วยเป็นโรคไต สถานเอกอัครราชทูต จึงขอความอนุเคราะห์มายังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้เป็นไปตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และแนวทางปฏิบัติตามข้อสั่ง การของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อทราบ ระเบียบวาระย่อยที่ 3.3 ระบุว่า ในส่วนของคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อนจำนวน 389 คน กำหนดแผนเดินทางกลับจำนวน 4 วัน โดยวันแรกจำนวน 98 คนวันที่สอง จำนวน 92 คน วันที่สาม จำนวน 100 คน และวันที่สี่ 4 จำนวน 98 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อรองรับการเดินทางกลับประเทศของคนไทย ผ่านด่านทิกิ-บ้านพุน้ำร้อน ขึ้นมา 8 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการอำนวยการ มีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธาน 2.คณะทำงานด้านสาธารณสุข มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
3.คณะทำงานด้านควบคุมการตรวจอนุญาตเข้า-ออก ราชอาณาจักร มี พ.ต.ต.ปุณณวิทย์ สว.ตม.จ.กาญจนบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 4.คณะทำงานด้านคมนาคมขนส่ง มี น.ส.ศศิธร อาภรณ์ธนกุล นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
5.คณะทำงานด้านรักษาความสงบเรียบร้อย มีนายเสกสม ลินดาพรประเสริฐ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 6.คณะทำงานด้านการจัดหาสถานที่กักกันและประสานงานกับจังหวัดที่เกี่ยวข้อง มีนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล จ่าจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
7.คณะทำงานด้านจัดเตรียมสถานที่และประสานงานบริเวณจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน มีปลัดหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และ (8.)คณะทำงานด้านธุรการการเงิน มี น.ส.ปัทมา นฤภัย ผอ.กลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี