ผมคงมีโฉลกที่ถูกกับประเทศเมียนมาเสียจริงๆ เพราะหลังจากประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์ ที่เมืองพุกาม และเดินทางกลับกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ แต่ก็จำเป็นต้องเดินทางไปอีกหลังจากนั้น เว้นอยู่ที่ทำงานเพียงสัปดาห์เดียว เรื่องของเรื่อง คือ คุณ เอ โก โก รองอธิบดีกรมการเกษตร เขามีแผนส่งมอบและแจกจ่ายข้าวที่บริจาคโดยรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 300 ตัน ให้กับประชาชนชาวเมียนมาที่รัฐยะไข่ครับ
การเดินทางไปรัฐยะไข่นั้น เมื่อ 3 ปีก่อนผมเคยไปมาครั้งหนึ่ง ภาพตัวเมืองซิตตเว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐและถนนหนทาง รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ยังจำได้ติดตาติดใจ มิหนำซ้ำในครั้งนี้ยังได้ไปพักที่โรงแรมเดิม กินอาหารร้านเดิมอีก ก็ยิ่งทำให้ระยะเวลาที่เคยไปมาแล้วกับครั้งนี้เหมือนเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ในครั้งก่อน เคยเขียนเล่าไปแล้วว่าต้องนั่งเรือเร็วครึ่งค่อนวันไปตามแม่น้ำที่กว้างเป็นกิโลๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด ไปแจกจ่ายข้าวที่เมืองบูตีดอง และหม่องดอ ติดกับชายแดนประเทศบังกลาเทศ อีกทั้งยังได้นั่งรถยนต์ไปยังวัดมหามัยมุนี อันศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองจ๊อกตอ แต่ครั้งนี้ต่างกันครับเพราะคุณ เอ โก โก บอกว่าการเดินทางออกไปนอกตัวเมืองแบบเดิมนั้น ไปไม่ได้เสียแล้ว เพราะเกิดการสู้รบปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธกับทหารรัฐบาลเมียนมา จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับคณะ
พูดถึงเรื่องความไม่สงบในเมียนมาแล้ว ผมรู้สึกดีใจมากๆ ที่ประเทศไทยเราไม่ได้มีศึกสงครามแบบเขา ในเมียนมาอย่างที่เคยเล่าไปบ้างแล้ว รัฐต่างๆ ที่ประกอบเป็นสหภาพ หรือ union นั้น อาศัยอยู่กันแบบหลวมๆ ขาดความเป็นปึกแผ่น สามัคคี เหมือนอย่างที่เราเป็น ในประเทศไทยเราทุกคนที่เกิดมาในแผ่นดินนี้ เรียกตัวเองว่าเป็น คนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในภาคไหนๆ ก็ตาม แต่ของเมียนมาหาเป็นเช่นนั้นไม่ ด้วยเหตุที่แต่ละรัฐมีชนเผ่าต่างๆ มากมาย ก็อาจมีพวกหัวรุนแรงบางกลุ่มบางคนที่พยายามจะแบ่งแยกออกไป เพื่อตั้งประเทศอิสระของตน ไม่ว่าจะเป็นมอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ คะฉิ่น คะยา มุสลิมยะไข่ เป็นต้น น่าปวดหัวครับสำหรับการเมืองในเมียนมา และที่รัฐยะไข่ที่ผมและคณะกำลังจะไปนี้ ปัญหาเดิม 3 ปีก่อนเป็นปัญหามุสลิมชาวเบงกาลี หรือโรฮีนจา ที่เกิดการสู้รบและมีผู้อพยพหนีตายอดอยาก จนเราต้องเอาข้าวสารไปช่วย แต่ครานี้กลับไม่ใช่กลุ่มพวกเดิม หากเป็นพวกหัวรุนแรงที่อาศัยอยู่ที่นั่นและประสงค์จะแบ่งแยกประเทศ ที่ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนีการสู้รบอย่างที่บอกไปอาศัยในที่แห่งใหม่ และขาดแคลนอาหารการกิน ทางการเมียนมาจึงขอข้าวจากแอปเตอร์ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชน ซึ่งถูกจัดให้มาพักพิงอาศัยอยู่รวมกัน เกือบทั้งหมดเป็นวัดพุทธ ที่มีอาคารสถานที่ก่อสร้างพอพักอาศัยอยู่ได้
คุณ เอ โก โก และทีมงานบินจากกรุงเนปิดอว์มารับคณะเราแต่เช้าที่สนามบินย่างกุ้ง ช่วงนี้ เป็นช่วงที่เชื้อโควิดกำลังระบาดอยู่พอดี พวกเราระมัดระวังมาก แต่ที่เมียนมากลับไม่ค่อยตื่นกังวลกันเท่าใดนัก มีเฉพาะบางคนที่ใส่หน้ากากป้องกัน แปลกตรงที่ประเทศเมียนมาในช่วงที่คณะเราไปกันนั้นยังไม่พบการระบาดติดเชื้อกันแม้แต่คนเดียว คราวที่แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อนยิ่งแล้วใหญ่ ผมประชุมอยู่ที่เมืองพุกามและไปท่องเที่ยวดูงานเกือบทั้งวัน ไม่ปรากฏมีคนเมียนมาหรือนักท่องเที่ยวใส่หน้ากากแม้แต่คนเดียว ทั้งที่เมืองเก่าพุกาม ฟังๆ ภาษานักท่องเที่ยวฝรั่งที่มาเที่ยวชมดูแล้วเป็นชาวอิตาลีเกือบทั้งนั้นเลย มาถึงปัจจุบันนึกแล้วยังเสียว ยิ่งตอนขากลับกรุงเทพฯ อีกสองวันต่อมา ผมนั่งรอเครื่องที่สนามบินย่างกุ้ง ปรากฏว่ามีคนอิตาลีกลุ่มใหญ่มานั่งคุยกันติดๆ กับที่ผมนั่งแถมไม่มีใครสวมหน้ากากสักคน ทำให้ผมต้องรีบลุกหนีไปนั่งห่างๆ ทันที
วันไปถึงย่างกุ้งมีเวลาอีกเช่นเคย เพราะไฟลท์บินไปซิตตเว มีตอนบ่ายสามโน่น พวกเราจึงได้รับการอนุเคราะห์พาออกไปในเมืองเพื่อฆ่าเวลา เป็นปกติครับ ที่เมียนมาไม่พ้นต้องไปไหว้พระ แถวชเวดากองไปกันบ่อยแล้ว เขาเลยพาไปอีกวัดหนึ่ง ก็ยิ่งใหญ่อีกเช่นกันครับ สร้างสมัยรัฐบาลทหาร ผมขี้เกียจจำชื่อ เพราะเรียกฟังยากเหลือเกิน สรุปแล้วที่เมียนมามีวัดใหญ่โตที่พาชมได้ไม่มีวันหมด ผมกราบไหว้ไปพร้อมขอพรไป แล้วก็บริจาคเงินทำบุญไป คงจะได้อานิสงส์ผลบุญมาฝากท่านผู้ติดตามอ่านบ้างนะครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี