ตำรวจเร่งคดีทหารโหดซ้อมเหยื่อดับ มั่นใจหลักฐานเอาผิด ส่งต่อปปช.ฟันอีกดอก
23 เมษายน 2563 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีทหารทำร้ายร่างกายประชาชน โดยทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เน้นย้ำสั่งการให้ดำเนินการตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขอยืนยันให้ประชาชนได้มั่นใจว่า ทางตำรวจไม่หนักใจ ไม่ว่าคู่กรณีของผู้เสียหายจะเป็นทหาร หรือเป็นบุคคลทั่วไป ทางตำรวจจะต้องดำนินคดีตามกฎหมาย และมั่นใจว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการเอาผิด
พล.ต.ต.ธนชาติ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ในคดีอาญาไว้ 2 ข้อหา สำหรับผู้กระทำผิด คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้การสอบสวนยังพบอีกว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวยังเป็นชุดจับกุมปราบปรามยาเสพติด ในส่วนนี้ถือว่าผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ตามขั้นตอนการดำเนินคดีล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการสอบสวน พยานแวดล้อม ทั้งฝ่ายผู้เสียหาย ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ส่วนทางฝ่ายทหารได้สอบสวนทหารที่เกี่ยวข้องบางส่วน พร้อมได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของทหาร เพื่อส่งขอละเอียดชื่อ ตำแหน่งของกำลังพลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมประมาณ 7-10 นาย เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐาน เหลือเพียงเอกสารหลักฐานใบชันสูตรพลิกศพจากทางแพทย์ ที่จะต้องนำมารวบรวมสรุป
สำหรับคดีนี้ตามขั้นตอนเป็นคดีเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ทางตำรวจมีระยะเวลาดำเนินการสอบสวนสรุปสำนวน เป็นเวลา 30 วัน เพื่อสรุปสำนวนคดีอาญา ส่งต่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการพิจารณาไต่สวนตามขั้นตอนของกฎหมาย เสนออัยการพิจารณา นำสู่กระบวนการฟ้องต่อศาล เนื่องจาก ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย จากนั้นถือว่าหมดอำนาจของพนักงานสอบสวน ส่วนหนึ่งทางตำรวจได้ประสานทางหน่วยงานทหารเกี่ยวกับการดำเนินคดี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเป็นธรรมมากที่สุด ขอให้ประชาชน รวมถึงผู้เสียหาย มั่นใจตำรวจทำตามขั้นตอนตรงไปตรงมา ซึ่งในการเดินการขอให้เข้าใจมีขั้นตอนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ยืนยันไม่ล่าช้า
ด้านนายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้มีตัวแทนหน่วยงานทหาร มาเจรจาพูดคุย ตนเห็นว่าเป็นที่เหมาะสม ได้หารือกับญาติพี่น้อง แล้วถือว่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้ยินยอมที่จะเผาศพลูกชายตามประเพณี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สู่สุคติ!พ่อแม่ร่ำไห้เผาศพลูกเหยื่อคอมแบท ย้ายทหารชุดก่อเหตุออกนอกพื้นที่) มาถึงวันนี้ยอมรับสำหรับเงินมากแค่ไหนก็ไม่คุ้มสำหรับการสูญเสีย แต่เมื่อเกิดแล้ว ตนยินดีจะให้อภัย ขอเพียงหน่วยงานทหาร และผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบ เพราะผู้ทำผิดจะต้องไปชดใช้กรรมตามกฎหมาย เพราะการชดเชยเยียวยาเป็นสิ่งจะต้องช่วยเหลือครอบครัวตน จะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างคงยาก แต่เมื่อเกิดแล้วตนต้องการให้จบ ด้วยดี จึงยอมรับเงื่อนไขตามข้อตกลง ทั้งเงินเยียวยา รวมถึงค่าใช้จ่ายจัดงานศพ และค่ารักษาพยาบาลกับลูกชายที่บาดเจ็บ ซึ่งตนพร้อมจะให้อภัย แต่ในส่วนของกฎหมายจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี