กรมพัฒนาที่ดินมีภารกิจสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ทรัพยากรดินได้เหมาะสมสามารถเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร โดยอนุรักษ์ดินและน้ำ ปรับปรุงบำรุงดินการแก้ไขดินที่มีปัญหาทำเกษตรเพื่อพัฒนาภาคการเกษตรเป็นไปอย่างยั่งยืน
นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) สถานการณ์ภัยแล้งด้านการเกษตร เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งและเกษตรกรกลับคืนถิ่นเพื่อทำการเกษตร กรมพัฒนาที่ดินจึงมีแนวทางสนับสนุนการสร้างอาชีพเกษตรกรรมที่มั่นคงให้เกษตรกรทั่วประเทศ โดยสนับสนุนด้านการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อทำการเกษตรมีความปลอดภัยด้านอาหาร อนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนฟื้นฟูทรัพยากรที่ดินที่มีปัญหาและเสื่อมโทรม ให้มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร และแก้ปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรและการผลิตสินค้าเกษตรโดยรวมของประเทศ โดยเน้นบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 1. สนับสนุนการก่อสร้างแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (ขนาด 1,260 ลบ.ม.) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ทำเกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน และในพื้นที่ที่ระบบส่งน้ำไปไม่ถึง บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ สามารถลดความเสี่ยงการขาดน้ำได้ในระยะฝนทิ้งช่วง และเพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี สำหรับในปี 2563 มีเป้าหมายการดำเนินงานตามแผน 40,000 บ่ออย่างไรก็ตาม ยังคงมีเกษตรกรแจ้งความประสงค์ต้องการแหล่งน้ำในไร่นาเป็นจำนวนมาก กรมจึงได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบปกติ เป็นจำนวน 5,512 บ่อ รวมเป็นเป้าหมายดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้กับเกษตร จำนวน 45,512 บ่อ
2.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยปรับสภาพพื้นที่และรูปแปลงนา เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในโครงการปรับเปลี่ยนการผลิตพืชในพื้นที่
ไม่เหมาะสมเป็นการเกษตรแบบผสมผสานมีเป้าหมาย 100,000 ไร่ รวมทั้งในพื้นที่ปลูกพืชเหมาะสมตามสมรรถนะของดินในพื้นที่ 2,774,508 ไร่ มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพใช้ที่ดินให้เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตจะทำให้เกษตรกรมีรายได้และพึ่งตนเองได้ สามารถขยายผลสู่การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ สร้างงานสร้างรายได้ให้ครัวเรือนและลดค่าใช้จ่ายได้ ตลอดจนนำไปใช้สนับสนุนการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นการปลูกพืชผสมผสานตามนโยบายกระทรวงเกษตรฯในโครงการ Zoning by Agri-map
3.การปรับปรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสดและปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน สนับสนุนการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน ด้วยปัจจัยการผลิตต่างๆ มีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ดินเปรี้ยว ดินเค็มและดินกรด 104,577 ไร่ พัฒนาพื้นที่เฉพาะ (พื้นที่ทุ่งกุลา/ทุ่งสัมฤทธิ์/ทุ่งหมาหิว/พื้นที่นาร้าง) 17,500 ไร่ และพื้นที่มีศักยภาพ 358,692 ไร่ รวมพื้นที่ดำเนินการ 480,769 ล้านไร่ 4.สนับสนุนการผลิตอาหารปลอดภัยและการทำเกษตรอินทรีย์ สนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ลดใช้สารเคมีทางการเกษตรให้เกษตรกร 100,000 ราย (ครอบคลุมพื้นที่ 1 ล้านไร่) โดยสนับสนุนการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพไว้ใช้เองในครัวเรือน และขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ด้วยระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) เป็นการปรับเปลี่ยนการผลิตของเกษตรกรให้เข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ 10,000 ไร่
จากแนวทางการดำเนินงานของกรมพัฒนาที่ดินดังกล่าวสามารถสนับสนุนการสร้างอาชีพเกษตรกรรมที่มั่นคงให้เกษตรกรทั่วประเทศ ลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร ทำให้ผลิตอาหารที่หลากหลายมีคุณค่าทางโภชนาการเลี้ยงครอบครัวได้เพียงพอ และมีความปลอดภัยต่อชีวิตเพื่อนำไปบริโภคในครัวเรือนและส่วนที่เหลือก็จำหน่าย สร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ ดังนั้นดินดีจึงเป็นพื้นฐานของชีวิต สามารถผลิตอาหารปลอดภัยเกษตรอินทรีย์ ส่งผลให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พึ่งพาตนเองได้ ส่งผลให้มีรายได้และสามารถสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับเกษตรกร อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างครอบครัวให้มีความอบอุ่น และชุมชนให้เข้มแข็งอีกด้วย หากเกษตรกรใดสนใจโครงการดังกล่าว ติดต่อได้ที่กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัดและหมอดินอาสาทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี