ปัญหาในภาคเกษตรกรรมของไทย เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ภาครัฐยังให้ความเอาใจใส่ไม่มากและเข้าถึงเท่าที่ควร เพราะเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ทุกคนเมื่อลืมตาขึ้นมาก็รู้จักการทำเกษตรกรรมแล้ว
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าคนไทยที่เกิดในสังคมเกษตรจะเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับมองเห็นถึงปัญหาและทางแก้ในปัญหาด้านเกษตรกรรม แต่นั่นก็มิใช่ว่า พวกเขาจะไม่ต้องการ การช่วยเหลือดูแลจากภาครัฐ เพราะการที่พืชจะเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพ เกษตรกรจะต้องคอยระวังดูแลลดความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการทำลายผลผลิต อาทิ สภาพอากาศ สภาพดิน โรคพืชและแมลง ที่ต้องใช้ปัจจัย ซึ่งเป็นแรงงานคน และ เครื่องมือและปัจจัยอื่นๆ ประกอบเข้ามาด้วย โดยเฉพาะปัญหาหลักที่กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในเวลานี้คือ ปัจจุบันค่าจ้างแรงงานภาคการเกษตรมีราคาสูงและหายาก ดังนั้น ภาคเกษตรของไทยจึงเริ่มมีความต้องการเครื่องจักรกลที่มีความฉลาด ทำงานได้ตลอดเวลาแต่ต้องประหยัดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดการอยู่รอดที่ยั่งยืน
และดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เมื่อ ผศ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจกรรมนิสิต และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้คิดค้นหุ่นยนต์สำหรับงานอารักขาพืชขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อมาทำหน้าที่แทนคนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และประสบผลสำเร็จในการนำไปใช้จริงจากเกษตรกร
ผศ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา
ผลงานการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์อารักขาพืช ของ ผศ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา จัดได้ว่า เป็นครั้งแรกของประเทศ ที่นำหุ่นยนต์มาใช้ทางด้านเกษตรกรรม โดยเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ ชื่อว่า “หุ่นยนต์อารักขาพืช แบบ mobile robot” หรือ แบบเคลื่อนที่ ผ่านระบบ remotecontrol ควบคุมจากระยะไกลมีความสามารถทำงานได้หลายอย่างอาทิ ทำหน้าที่ตัดหญ้าได้ทุกระยะความสูง และการพรวนหญ้าทิ้ง โดยหัวตัดหญ้า สามารถทำงานได้พร้อมกัน 2 หัวตัด ซึ่งจะเร็วกว่ารถตัดหญ้าอื่นๆ ที่มีแค่หัวตัดเดียวได้ถึง 2 เท่า สามารถเปลี่ยนใบมีดและปรับระดับความสูง-ตํ่า ของการตัดหญ้าได้ว่าจะให้เหลือหญ้าไว้กี่เซนติเมตร
นอกจากนี้ หุ่นยนต์อารักขาพืชแบบ mobile robot ยังสามารถนำมาชดเชยเพื่อลดการใช้คนมาพ่นสารเคมีได้อีกด้วย โดยจะมีแขนกลฉีดพ่นสาร 2 แขน กางทำมุมได้หลากหลาย ใช้ได้ทั้งไม้ผลทรงพุ่ม และพืชไร่พืชผักที่มีความสูงและขนาดที่แตกต่างกันและสามารถทำภารกิจในการตัดหญ้าและฉีดพ่นไปพร้อมๆกันได้ โดยสามารถสั่งงานฉีดพ่นแบบต่อเนื่องหรือแบบไม่ต่อเนื่อง(เฉพาะจุด) ได้
หุ่นยนต์อารักขาพืช
ความฉลาดของตัวหุ่นยนต์อารักขาพืช ก็คือ สามารถปรับระยะคร่อมร่องพืช โดยการเปลี่ยนแกนเหล็กของเพลาหุ่นยนต์ให้มีความกว้างยาวเพื่อรองรับพืชแต่ละชนิดที่มีระยะปลูกที่แตกต่างกันได้ เช่น อ้อย มันสำปะหลังและพืชอื่นๆ โดยการควบคุมหุ่นยนต์สามารถควบคุมผ่าน remotecontrol และควบคุมจาก smart phone ทั้งนี้ สามารถติดตั้งกล้องในหุ่นยนต์ถ่ายทอดสดได้ ในกรณีที่หุ่นยนต์ติดหล่ม ตัวแขนที่ยึดกับหัวตัดหญ้าทั้ง 2 ข้าง สามารถยกขึ้น-ลง ได้อิสระ จะผลักดันตัวเองให้ขึ้นจากหล่มได้
ผศ.ปัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ่นยนต์ตัวนี้ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน แต่กรณีหัวตัดหญ้าใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ โดยมีถังนํ้ามันขนาด
บรรจุ 270 ซีซี (ประมาณ 1 ใน 4 ของลิตร เปลี่ยนขนาดของถังนํ้ามันได้) ซึ่งจะได้กำลังสูงกว่าในการตัดหญ้า หรือ พรวนหญ้า โดยเครื่องยนต์สามารถปั่นไฟเพื่อชาร์จใส่แบตเตอรี่ได้ การเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ จะเคลื่อนที่คล้ายๆ รถถังสายพานตีนตะขาบ (แต่ใช้เป็นล้อยางหมุนแทน เพื่อการประหยัดต้นทุน) วิ่งได้ตรงมาก เหมาะสำหรับพืชที่ปลูกเป็นระเบียบ ระยะห่างเป็นแถวเป็นแนว
ผศ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนากล่าวทิ้งทายถึงเกษตรกรทุกคนว่า หากเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้สนใจ “หุ่นยนต์อารักขาพืช” ต้องการรายละเอียดมากกว่านี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์0-2797-0999 ต่อ 1524
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี