วันที่ 29 เมษายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.)เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งรัฐและเอกชน รวม 888 แห่งทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ห้องประชุม 4 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายณรงค์ แผ้วผลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) และผู้บริหาร สอศ.เข้าร่วมรับฟังนโยบายการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์และการเปิดภาคเรียรที่ 1 ปีการศึกษา 2563
นายณัฏฐพล กล่าวถึงการเตรียมการจัดการเรียนการสอนของอาชีวะ ซึ่งต้องมีการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสารทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ แต่ถ้าหากผู้เรียนไม่มีโอกาสปฏิบัติฝึกฝนก็จะทำให้การเรียนการสอนยังไม่ได้คุณภาพอย่างเต็มที่ ในวันนี้เราจึงได้พูดคุยเพื่อหาแนวทางแก้ไขตรงจุดนี้ เช่น ในวิชาปฏิบัติฝึกทักษะ วิทยาลัยที่มีนักเรียน นักศึกษาจำนวนมากๆ จะต้องแบ่งกะมาเข้าเรียน จำกัดจำนวนนักเรียนต่อห้องให้น้อยลง มีเครื่องวัดอุณภูมิ มีแอลกอฮอล์เจลล้างมือให้ และเว้นระยะห่าง ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แต่หากสถานประกอบการสามารถรองรับการฝึกปฏิบัติได้ก็จะเป็นโอกาสดี แต่ถ้ายังฝึกไม่ได้ก็ต้องฝึกปฏิบัติที่วิทยาลัย ส่วนภาควิชาทฤษฏีก็เรียนผ่านออนไลน์ได้ โดยทางวิทยาลัยจะต้องแบ่งเวลาเรียนให้มีความยืดหยุ่นพอสมควร ทั้งวันเรียนในแต่ละสัปดาห์และเวลาเรียนในแต่ละวัน เพื่อให้การเรียนทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติผสมผสานลงตัวและมีคุณภาพ
รมว.ศธ. กล่าวต่อในวันนี้ได้ทราบว่าหลายวิทยาลัยมีประสบการณ์ในการสอนออนไลน์แล้ว แต่ก็มีบางวิทยาลัยที่ยังมีปัญหาในการเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะปัญหาจากแพคเกจของอินเตอร์เน็ตที่ไม่สามารถสอนออนไลน์ได้ ดังนั้น ตนจะไปหารือกับผู้บริหารที่ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตว่าจะสามารถช่วยการศึกษาได้อย่างไรในการสร้างเสถียนในการสอนออนไลน์ ส่วนอุปกรณ์การสอนออนไลน์ในเบื้องต้น ทุกวิทยาลัยมีความพร้อมพอสมควร แต่อาจจะขาดอุปกรณ์บางอย่างให้กับคุณครูผู้สอน ตนจึงมอบนโยบายให้วิทยาลัยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ อาจจะต้องแยกออกไปยังห้องต่าง ๆเพื่อให้ครูมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ กรณีครูที่ไม่มีแลปท็อป ส่วนผู้เรียนทุกคนมีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนเรียนออนไลน์ได้
นายณัฏฐพล กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนให้ความสำคัญกับอาชีวศึกษามากเพราะมีความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจและการขยายตัวของการลลทุนต่าง ๆ ฉะนั้น การผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะซึ่งมาจากอาชีวะเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความสำคัญและต้องมีความเข้มข้นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต อาชีวะจึงเป็นหลักในการผลักดันการขยายตัวของธุรกิจในประเทศได้ จึงเน้นว่าในแต่ละธุรกิจมีความเฉพาะทาง ดังนั้น วิทยาลัยแต่ละแห่งจะต้องหาจุดแข็งของตัวเองในบริบทของวิทยาลัยหรือในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด วันนี้เรายังขาดบุคลากรที่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งช่วงหลังวิกฤติโควิดนี้ จะเป็นโอกาสของประเทศไทย ทั้งด้านสาธารณสุขการแพทย์ การเกษตร การท่องเที่ยว การโรงแรม หรือธุรกิจด้านการบริการ เราต้องมีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำของโลกในธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งยังไม่ได้รวมธุรกิจภาคอุสาหกรรมที่เราได้มีการผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ที่อาชีวะจะสามารถสร้างกำลังคนเข้าสู่ธุรกิจนั้นได้อย่างรวดเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี