วันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ห้องพิจารณา 916 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีค้ามนุษย์อาบอบนวด “วิคตอเรียซีเครท” คดีดำ คม.25/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเฉลียว จันทร์พิมพ์ หรือเอส(ไม่ทราบอายุ) , นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือ ป๋ากบ อายุ 57 ปี ,นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือ ป๋าติ๊ก อายุ 69 ปี ผู้จัดการสถานบริการ , น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจใน หจก.อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ , หจก.อัมรินทร์ ออนเซน , นายเดชา สิงห์สาครเดชา หรือ หนู (ไม่ทราบอายุ) เป็นจำเลยที่ 1-6 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 ,6,9,10,11,52,53 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 มาตรา 3,4,6 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4,9,11,53 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5,6,25,32 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561 ระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างเดือน ก.ค.2557 วันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด - 13 ม.ค.2560 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เป็นธุระจัดหาซื้อขาย จำหน่าย พาไปส่ง หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือหลอกลวง เด็กหญิงชาวเมียนมาร์ อายุไม่เกิน 15 ปี จากประเทศเมียนมาร์ มาส่งยังประเทศไทยและไปประเทศมาเลเซียเพื่อแสวงหาประโยชน์จากหญิงเมียนมาร์ด้วยการบังคับให้ค้าประเวณีและนางศศิธร จำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อัมรินทร์ออนเซน ของจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่เมื่อเดือนก.ค.57 -4 ก.ค.59 จำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการผู้ดูแล และผู้จัดการกิจการค้าประเวณี ชื่อสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ตั้งอยู่เลขที่ 555 ซอยศูนย์วิจัย 4 ถ.พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
ทั้งนี้ ในชั้นพิจารณาจำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2561 ว่าจำเลยที่ 2-4 และ 6 กระทำผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยให้จำคุก นายบุญทรัพย์ หรือ ป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก จำเลยที่ 3 คนละ 2 ปี ฐานเป็นธุระจัดหาฯ ฐานเป็นผู้ดูแลและผู้จัดการสถานการค้าประเวณีให้จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 5 ปี
ส่วน น.ส. ศศิธร จำเลยที่ 4 ไม่ได้เข้ามาดำเนินกิจการในสถานบริการอาบอบนวดโดยตรง จึงให้ลงโทษสถานเบา จำคุก 1 ปี สำหรับนาย เดชา จำเลยที่ 6 จำคุก 5 ปี ฐานเป็นธุระจัดหาฯ และจำคุกอีก 4 ปี ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติรวมจำคุกจำเลยที่ 6 เป็นเวลา 9 ปี
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกนายบุญทรัพย์ หรือ ป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก จำเลยที่ 3 คนละ 3 ปี 4 เดือน ส่วน น.ส.ศศิธร จำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน และนายเดชา จำเลยที่ 6 จำคุกทั้งสิ้น 6 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยข้อหาค้ามนุษย์ ส่วนนายเฉลียว จำเลยที่ 1 (วินจยย.รับจ้าง) และ หจก. อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 พิพากษายกฟ้อง
โดยในวันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายเฉลียว ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้องแต่ถูกคุมขังในคดีอื่น,นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ , นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการฯ , จำเลยที่ 1-3 ซึ่งถูกคุมขังอยู่เรือนจำกลางคลองเปรมมาฟังคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ขณะที่ น.ส.ศศิธรจำเลยที่ 4 - 6 ที่ได้ประกันตัวมาฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ที่ได้รับเรื่องร้องเรียน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิรณสิทธิ์ฯ ซึ่งร่วมในการจับกุม รวมทั้งเด็กหญิง ผู้เสียหาย อายุ 12 ปี กับเพื่อนชาวเมียนมาร์ รวม 6 คน ต่างเบิกความสอดคล้องต้องกัน พยานหลักฐานโจทก์แน่นหนาว่าจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้เพิ่มโทษเป็นว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสาม(เดิม) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) ,10 วรรค 1, 52 วรรคจำเลยที่ 1-4 และ จำเลยที่ 6 ผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ฯ จำคุกคนละ 12 ปี ปรับจำเลยที่ 5 ฐานเป็นเจ้าของสถานที่หรือกิจการค้าประเวณีฯ จำนวน 1.3 ล้านบาท จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 12 ปี จำคุกจำเลยที่ 6 เป็นเวลา 4 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็น12 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 24 ปี จำคุก ปรับจำเลยที่ 5 จำนวน1.3 ล้านบาท และจำคุกจำเลยที่ 6 เป็นเวลา 16 ปี โจทก์จำเลยที่ 2,4,6 ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า สถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ให้หญิงบริการร่วมประเวณีกับลูกค้า การกระทำของจำเลยอยู่ในลักษณะตัวการร่วมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ และการกระทำที่นำหญิงสาวผู้เสียหายชาวเมียนมาร์ไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียจึงเข้าลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 มาตรา 5 (1) (2) (3) (4) , 6 วรรค 1
การกระทำของจำเลยทั้ง 6 มีความผิดฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไปกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้กระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และฐานร่วมกันสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาฯเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือ ช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 2 -5 มีความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีผู้ดูแลหรือผู้จัดกิจการค้าประเวณีมีเด็ก อายุไม่เกิน 15 ปี ทำการค้าประเวณี และจำเลยที่ 6 มีความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ส่วนที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของนายกำพล ,นางวิภา และนาย ธนพล วิระเทพสุภรณ์ กับพวก มิใช่การกระทำความผิดต่อกฎหมายทั้งมิใช่กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และค้าประเวณี และไม่ปรากฏหลักฐานว่านางนิภา และนายธนพลมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท นั้นศาลอุทธรณ์ฯ เห็นว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องบุคคลทั้งสามเข้ามาเป็นจำเลยคดีนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้นเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงไม่ชอบ
อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน ขณะที่อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2,4, 6 ฟังไม่ขึ้น
ศาลอุทธรณ์ฯจึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-6 มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 282 วรรคสาม (เดิม) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 (2) , 10 วรรคหนึ่ง, 52 วรรคสาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2-5 มีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 11 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 83 และจำเลยที่ 3 มีความผิด ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 6 มีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556มาตรา 5 (1) ถึง (4), 25ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 อีกด้วย
การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกจำเลยที่ 3-4 และจำเลยที่ 6 คนละ 12 ปี และปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 1 ล้านบาท ฐานร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี ให้จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 12 ปี และปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 300,000 บาท ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 4 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 12 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 4- 6 คนละ 24 ปี ปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 1.3 ล้านบาท และจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 16 ปี
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีไว้ 8 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 16 ปี ปรับจำเลยที่ 5 เป็นเงิน 866,666 บาท และจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 10 ปี 8 เดือน ให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 160,000 บาท และให้จำเลยที่ 1- 5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 1,385,800 บาท และจำเลยที่ 6 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย 267,005 บาท ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ภายหลัง นายรณสิทธิ์ พฤกษ์ยาชีวะ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกและปรับจำเลยทั้ง 6 คน วันนี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่าสุดท้ายแล้ว ก็ได้ความยุติธรรมกลับคืนมาจากการค้ามนุษย์ เราตู่สู้เพื่อความถูกต้องให้กับผู้เสียหายเหล่านี้อย่างเต็มที่ เพราะผู้เสียหายคือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี หรือ 18 ปี ที่ถูกกระทำ ถูกเอารัดเอาเปรียบทางเพศ ขายบริการทางเพศ
ส่วนประเด็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษานายกำพล นางนิภา และนายธนพล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์นั้น ทางมูลนิธิรณสิทธ์ฯก็ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ให้ตรวจสอบในประเด็นที่ว่าคำพิพากษานั้น อาจจะพิพากษาเกินฟ้องหรือไม่ แต่วันนี้ศาลอุทธรณ์เพิพากษาประเด็นนี้ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่านายกำพล ,นางนิภา และนายธนพล ไม่มีความผิดนั้นมิชอบเพราะทั้ง 3 คนยังคงหลบหนีอยู่ไม่ได้นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนนายกำพลที่หลบหนีไม่ได้ฟ้องต่อศาลนั้น ไม่ได้กังวลเพราะอายุความหยุดไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี