โลกยังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน..ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ณ ปัจจุบันเข้าหลักหลายล้านคน โดยอันดับ 1 คือ สหรัฐอเมริกา อันดับ 2-6 รองลงมา สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ขณะที่มีผู้เสียชีวิตแล้วหลักแสนราย นอกจากนี้
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย ซึ่ง รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปรียบวิกฤติโควิด-19 ว่าเป็น “การต่อสู้แห่งศตวรรษ (The Fight of the Century)” ระหว่างมนุษย์ 7.8 พันล้านคน กับไวรัสที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
นานาประเทศต่างเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดที่เขย่าโลกให้ปั่นป่วน และล็อกดาวน์เมืองต่างๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ นำไปสู่การต้องสร้างบุคลากรมารองรับ “วิถีใหม่ (New Normal)” ซึ่งที่ผ่านมา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เปิดพัฒนาหลักสูตรผลิต “แพทย์นวัตกร” หรือหลักสูตรร่วมแพทย์-วิศวะ (พ.บ.-วศ.ม.) เรียน 3-1-3 ปี
“เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้ทั้ง 2 ปริญญา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เช่นเดียวกับหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่เปิดสอนเป็นแห่งแรกในอาเซียนมากว่า 22 ปี ตอบโจทย์ยุคที่โลกเผชิญสงครามชีวภาพโควิด-19 มีแพทย์และ
บุคลากรทางการแพทย์เป็นแนวหน้า มีวิศวกรและนวัตกรเป็นกองหนุน” คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว
นายชวพล ดิเรกวัฒนะ นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็นนักวิชาการศึกษา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโรคติดเชื้ออุบัติใหม่เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขตลอดมา แต่การมาของโควิด-19 ได้พลิกสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์ให้เปลี่ยนไป รวมถึงการแพทย์และสาธารณสุขด้วย ทั้งเป็นตัวเร่งบังคับ ให้แนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และ Digital Transformation เป็นจริงเร็วขึ้น
“วันนี้เราจึงได้เห็นโรงเรียน มหาวิทยาลัยทำการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ คนทำงาน Work from Home แม้ว่าประเทศไทยจะสามารถตรึงกำลังและสูญเสียน้อยเพราะเรามีทีมไทยแลนด์ที่ทำงานร่วมกันได้ผลดี แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่จนถึง อสม.ในชุมชนที่เข้มแข็งทุ่มเท แต่ในระยะยาวประเทศเราต้องเร่งสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพในการทำงานวิจัยพัฒนาและผลิตนวัตกรรมทางการแพทย์ รองรับอนาคตและภาวะฉุกเฉินที่จะมาอย่างไม่คาดฝัน สร้างเครื่องมือสนับสนุนสาธารณสุขไทยและประชาคมโลกได้ดียิ่งขึ้น” นายชวพล กล่าว
ขณะที่ นายสุวิพัฒน์ ฉลองวงศ์ ปัจจุบันทำงานที่ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ในมุมมองของนวัตกร สถานการณ์โควิด-19 เปรียบเสมือนการเปิดน่านน้ำเสรีใหม่ให้กับเหล่านักวิจัยนวัตกรทางการแพทย์ ได้เข้ามามีบทบาทและแสดงศักยภาพในการช่วยเหลือแก่สังคม ซึ่งหลายสิ่งไทยทำได้ดีกว่าประเทศตะวันตก ทำให้งานวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ของคนไทยเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น จะเห็นว่าไวรัสโควิด-19 มาพร้อมกับปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย ชุด PPE อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์
ทำให้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เกิดสิ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยการแพทย์มากมาย หลายอย่างมีหลักการและใช้งานได้ดี แต่หลายอย่างก็สุ่มเสี่ยงอันตรายต่อคนป่วยและขัดต่อหลักความปลอดภัยทางวิศวกรรม เนื่องจากมีเวลาจำกัด ขาดองค์ความรู้ความเข้าใจทางวิศวกรรมชีวการแพทย์และการแพทย์ แต่ในอนาคตเมื่อแพทย์นวัตกรหรือวิศวกรชีวการแพทย์มีมากขึ้นและกระจายตัวไปยังโรงพยาบาลต่างๆ จะสามารถพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์และผลักดันให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ พร้อมไปกับยกระดับระบบสาธารณสุขของไทยให้ดียิ่งขึ้นได้
ด้าน นายดิลก ปืนฮวน อาจารย์โรงเรียนแพทย์รามาธิบดี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และศิษย์เก่าปริญญาเอก ภาควิชาชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้เราเห็นภาพชัดว่าประเทศไทยมีการพึ่งพาเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศสูงมาก ซึ่งต่อไปประเทศไทยคงจะให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศและอุตสาหกรรมเฮลท์เทคมากยิ่งขึ้น
“วิศวกรและนวัตกรไทยมีฝีมือไม่แพ้ใคร ไทยเรามีข้อได้เปรียบเพราะเป็นฐานของอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่มาประยุกต์ใช้ได้ จะช่วยลดการนำเข้าและสำรองการผลิตอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในภาวะฉุกเฉินในอนาคต วิศวกรชีวการแพทย์และแพทย์นวัตกร เรียกได้ว่าเป็นดีไซเนอร์แห่งวงการแพทย์ บุคคลเหล่านี้
จะเป็นพลังในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายดิลก กล่าวในท้ายที่สุด
คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี