"เลขาฯศาลยุติธรรม"ชูแคมเปญ"ไกล่เกลี่ยออนไลน์" ระงับข้อพิพาทลูกหนี้-ไม่ต้องเดินทางไปศาล เริ่มแล้ว117ศาล เตรียมขยายครบทุกศาลทั่วประเทศ หลังโดนพิษโควิด-19ธุรกิจล้ม ช่วยลูกหนี้เจ้าหนี้หาทางออกร่วมกัน เปิดโครงการไกล่เกลี่ยหนี้กยศ.ด้วย
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงโครงการ "ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์" ที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะนำมาใช้ในศาลทั่วประเทศ ว่า ปัจจุบันปัญหาหนี้ที่เกิดจากสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต กู้ยืม เช่าทรัพย์และเช่าซื้อ รวมถึงกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ยังคงมีการฟ้องคดีเข้าสู่ศาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงลูกหนี้ที่เกิดความเครียดจากการถูกฟ้องร้ดำเนินคดี แต่เจ้าหนี้ก็ได้รับผลกระทบจากการที่ไม่ได้รับการชำระหนี้เช่นกัน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ยิ่งในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบจากการที่ธุรกิจบางประเภทต้องปิดกิจการชั่วคราว หรือนำไปสู่การปิดกิจการอย่างถาวร พนักงานหลายคนถูกเลิกจ้าง หรืออาจได้รับเงินเดือนน้อยลง ส่งผลให้รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในแต่ละเดือน ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน ซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทที่เกิดจากการผิดสัญญาต่างๆ จนมีการฟ้องร้องต่อศาลมากขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้ข้อพิพาทสามารถยุติลงได้ด้วยความพึงพอใจและยังคงซึ่งความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่าย ศาลยุติธรรมจึงได้นำกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ควบคู่กับการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนในการยุติข้อพิพาท ซึ่งสถิติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีแพ่งของศาลยุติธรรมทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2563 ช่วงระหว่าง ต.ค.2562 - มี.ค.2563 พบว่า มีปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาลทั้งหมด 526,132 คดี เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย 175,396 คดี (คิดเป็นร้อยละ 33.34) สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 139,955 คดี (คิดเป็นร้อยละ 79.79)
ทั้งนี้ หากประชาชนทั่วไปหรือนิติบุคคลที่มีข้อพิพาทและไม่สามารถตกลงกันเองได้ สามารถขอให้ศาลเป็นคนกลางช่วยให้คู่พิพาทเจรจาหาทางออกที่แต่ละฝ่ายสามารถยอมรับได้
สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้นำนวัตกรรม "ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์" มาใช้ในศาลยุติธรรมทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดความแออัดในการใช้ห้องประชุม ลดการเผชิญหน้า และยังทำให้คู่พิพาทสมัครใจและเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมากขึ้น โดยกำหนดแผนและวางแนวทางการให้บริการแก่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.2563 และปัจจุบันมีศาลที่ได้เริ่มให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์แล้ว จำนวน 117 ศาล และกำลังทยอยเปิดให้บริการจนครบทุกศาลชั้นต้นทั่วประเทศ โดยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ตั้งแต่เดือน ก.พ. - มี.ค.2563 ที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณข้อพิพาทคดีผู้บริโภคและคดีแพ่งที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์แล้ว จำนวน 401 คดี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 197 คดี (คิดเป็นร้อยละ 49.13) ทุนทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 60,883,616.34 บาท
สำหรับคู่พิพาทที่ประสงค์จะให้ศาลดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์นั้น สามารถดำเนินการได้ทั้งในชั้นก่อนฟ้องคดีต่อศาลและระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น หรือศาลชั้นอุทธรณ์ - ฎีกา โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือต่อศาลที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือยื่นคำร้องผ่านระบบอีไฟล์ลิ่ง (e-Filing) มาพร้อมกับคำฟ้อง หรือยื่นผ่านระบบ CIOS (กรณีคดีอยู่ระหว่างพิจารณา) เมื่อศาลพิจารณารับเป็นคดีไกล่เกลี่ยแล้ว ศาลจะสอบถามความประสงค์ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รวมทั้งวันเวลาที่สะดวกเพื่อกำหนดนัดวันไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไปยังผู้ถูกร้องผ่านทางระบบ QR Code หากคู่พิพาทตอบรับเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยแล้ว ศาลจะกำหนดวันนัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและแจ้งให้คู่พิพาททั้งสองฝ่ายทราบต่อไป
สำหรับช่องทางการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์นั้น สามารถดำเนินการได้ผ่านทางระบบการประชุมทางจอภาพ , แอปพลิเคชัน Line , Chat Room , E-mail , VDO Call หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ตามที่คู่พิพาทสะดวก และหากคู่พิพาทสามารถตกลงกันได้ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก็จะนัดวันเวลาที่คู่พิพาทสะดวกเพื่อมาทำบันทึกข้อตกลงที่ศาลต่อไป
นายสราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของคดีกู้ยืมของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งในแต่ละปีจะมีปริมาณการยื่นฟ้องคดีเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนมิถุนายนนั้น สำนักงานศาลยุติธรรม มีแผนจะจัด "โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ยออนไลน์" ในช่วงประมาณเดือน มิ.ย. - ก.ค.2563 เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ กยศ.ที่ต้องการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง หรือผู้ที่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แล้ว ได้เจรจาหาแนวทางแก้ไขหนี้และผ่อนผันการชำระหนี้ รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้คู่ความในคดีต่างๆ นำคดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ไม่ต้องรอให้เรื่องถึงขั้นตอนการดำเนินคดีทางศาล ซึ่งอาจจะใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก โดยคู่ความที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี