"ศาลยุติธรรม"จับมือ"กรมการปกครอง"ทำ MOU พัฒนาการคุ้มครองสิทธิบนหลักเท่าเทียม ตามนโยบาย"ประธานศาลฎีกา" เพิ่มประสิทธิภาพการประสานงาน-ขยายเครือข่ายกำกับดูแลการประกันตัวผู้ต้องหา-จำเลยใช้ข้อมูลเฝ้าระวังป้องกันทำผิดซ้ำ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 12 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเผ่าพันธ์ ชอบน้ำตาล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมพิธีลงนามแลกเปลี่ยนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อพัฒนาระบบประเมินความเสี่ยงการกำกับดูแลในชั้นปล่อยชั่วคราวและการใช้มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำของศาลยุติธรรม
โดย นายเผ่าพันธ์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า การประเมินความเสี่ยงและการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการใช้ดุลยพินิจของผู้พิพากษาในการปล่อยชั่วคราวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้ทำหน้าที่รับรายงานตัว สอดส่องและให้คำปรึกษาแก่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราว เพื่อป้องกันการหลบหนี การก่อภัยอันตรายหรือความเสียหายในระหว่างการปล่อยชั่วคราว อันเป็นการคุ้มครองสังคมและลดความเหลื่อมล้ำจากการเรียกหลักประกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งตามบันทึกข้อตกลงฉบับเดิมที่ได้ลงนามไว้กับกรมการปกครองเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 มีกำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในงานดังกล่าว ทำให้การปล่อยชั่วคราวเป็นไปอย่างมีคุณภาพและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยปัจจุบันศาลยุติธรรมเดินหน้านำมาตรการนี้มาใช้อย่างแพร่หลาย
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 ซึ่งศาลอาจต้องใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขยายเครือข่ายบุคคลที่จะเข้ามาสนับสนุนให้เพียงพอต่อปริมาณคดี
ดังนั้น การจัดทำบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่หน่วยงานทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันโดยให้บุคลากรของฝ่ายปกครอง อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวหรือข้อมูลอื่นใดที่เป็นประโยชน์ในการประเมินความเสี่ยงสำหรับการปล่อยชั่วคราวหรือการใช้มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ รวมทั้งช่วยสอดส่องดูแลและรับรายงานตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนแก่ศาลยุติธรรมที่ตั้งอยู่คนละท้องที่กับฝ่ายปกครอง และกรมการปกครองจะแจ้งข้อมูลของบุคลากรของฝ่ายปกครองที่เป็นปัจจุบันให้สำนักงานศาลยุติธรรมและศาลยุติธรรมในท้องที่ทราบทุกปี เพื่อให้การประสานงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งการพัฒนามาตรฐานการปล่อยชั่วคราวเพื่อประโยชน์สูงสุดในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนนี้ นับเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการเรื่องความ "เท่าเทียม" ตามนโยบายประธานศาลฎีกา
นายเผ่าพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า การแต่งตั้งให้บุคลากรของฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกำกับดูแล ประเมินความเสี่ยง ยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของผู้ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นศาล รวมทั้งช่วยรับการรายงานตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย เพื่อให้ศาลมีความมั่นใจว่า เมื่อพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวว่า จะมีการกำกับดูแล ลดความเสี่ยงในการหนีหรือกระทำความผิดซ้ำเมื่อได้รับการปล่อยชั่วคราวได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกันความเสี่ยงเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน
ด้าน นายสมชัยเลิศ ประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมการปกครองมีหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมผู้ต้องหาและกำกับดูแลผู้ต้องหา โดยจากความตกลงในครั้งนี้ กำนันพยาบาลที่ได้รับการแต่งตั้งจะมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแลพฤติกรรมจำเลยที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและกลับไปใช้ชีวิตในชุมชน เพื่อป้องกันพฤติกรรมข่มขู่คุกคามหรือการกระทำความผิดซ้ำ และให้รายงานข้อมูลกลับมายังศาลเพื่อให้ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาเงื่อนไขการให้ประกันตัวในอนาคต ซึ่งกรมการปกครองพร้อมให้การสนับสนุน และจะกำชับไปยังนายอำเภอให้กำกับการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพต่อไป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี