14 พ.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เผยแพร่บทความ “Bangkok's heritage vanishes as urbanization speeds up” ว่าด้วยการพัฒนากรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ที่พบว่ายิ่งเจริญเท่าใด มรดกทางวัฒนธรรมกลับยิ่งถูกทำให้หายไปมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเขียนโดย เบน เดวีส์ (Ben Davies) เจ้าของผลงานหนังสือ Vanishing Bangkok: The Changing Face of the City
บทความนี้เริ่มต้นด้วยชีวิตจอง Boonsong Chatayatorn ชายวัย 71 ปี ประกอบอาชีพช่างเชื่อมอยู่บริเวณถนนเจริญกรุง (Charoen Krung Road) ย่านชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนที่อาศัยในกรุงเทพฯ เล่าว่า ในอดีตกรุงเทพฯ เป็นเมืองแนวราบที่มีคลองขวางกั้น และในตอนกลางคืนตนกับพี่น้องรวม 11 คน จะได้ยินเสียงร้องบทงิ้ว ศิลปะการแสดงในวัฒนธรรมจีน (Chinese opera) เป็นเสียงกล่อมจนหลับไป แต่ปัจจุบันคลองส่วนใหญ่หายไป ตอนกลางคืนมีเสียงมอเตอร์ไซค์ดังแทนที่ จะเว้นไปบ้างก็เฉพาะช่วงนี้ที่มีประกาศห้ามออกจากบ้านยามวิกาล (เคอร์ฟิว) เท่านั้น
การระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้การเปลี่ยนแปลงของเมืองหยุดชะงัก แต่นั่นเป็นเพียงการรอเวลาฟื้นตัวจากสถานการณ์ฉุกเฉิน และ Boonsong ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่คนเดียวที่คิดถึงอดีต โดยหากเดินไปไม่ไกลจากแนวถนนมากนัก บริเวณซอยนานา (Soi Nana) จะพบร้านกาแฟที่มีโต๊ะ-เก้าอี้ เหยือก และการชงกาแฟแบบดั้งเดิม Chaiya Songosum ชายวัย 48 ปี เล่าว่า ตนได้ร้านนี้เป็นมรดกมาจากแม่ และภูมิใจในสมบัติชิ้นนี้ของครอบครัว ดังนั้นจึงอยากเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยที่มีประชากรหนาแน่น จึงมีการพัฒนาตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานอย่างระบบขนส่งมวลชน ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย อย่างห้างสรรพสินค้า อพาร์ตเมนท์และอาคารสำนักงาน แต่กรุงเทพฯ กลับอยู่เพียงอันดับ 98 จาก 140 เมืองทั่วโลก ด้านเมืองน่าอยู่ (Global Liveability) ซึ่งจัดอันดับโดยองค์กร Economist Intelligence Unit ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านเศรษฐกิจที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ
คำอธิบายถึงปัญหาของกรุงเทพฯ ในเรื่องดังกล่าว เช่น กรุงเทพฯ มีสวนสาธารณะน้อย โดยมีพื้นที่สีเขียวเพียง 3.3 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน เมื่อเทียบกับ 66.2 ตารางเมตรต่อคนในสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ถนนต่ำ เป็นที่มาของการจราจรที่ติดขัด ถึงกระนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้านการพัฒนา ในปี 2562 รถไฟใต้ดินที่แล่นผ่านบริเวณชุมชนเก่าของชาวจีนอีกแห่งในกรุงเทพฯ (เยาวราช-ผู้แปล) เปิดใช้งาน มีเสียงตอบรับอย่างดีจากคนในชุมชน แม้อีกด้านจะมีความกังวลว่าอาจนำไปสู่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนเก่าก็ตาม
Natapol Hiransaroj ชายผู้เป็นเจ้าของร้านน้ำชาที่ตั้งมานานถึง 100 ปี บนถนนพระราม 4 กล่าวว่า รถไฟใต้ดินช่วยในการเดินทางรอบเมือง ซึ่งเป็นผลดีกับธุรกิจของตนด้วย และแม้จะใช้วิธีการชงชาแบบดั้งเดิม แต่ตนก็ไม่มีปัญหาในการปรับตัวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ อนึ่ง บทความยังเล่าถึงประสบการณ์ของผู้เขียน (เบน เดวีส์) ที่เคยมาถ่ายรูปอาคารเก่าและวิถีชีวิตดั้งเดิมในกรุงเทพฯ เมื่อหลายปีก่อน แต่วันนี้หลายสถานที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากจนแทบจำไม่ได้ จึงเป็นห่วงว่าอีก 10 ปีข้างหน้ามันอาจจะหายไปทั้งหมด
ยงธนิศร์ พิมลเสถียร (Yongtanit Pimonsathean) นักวิชาการด้านการอนุรักษ์มรดกในประเทศไทย ให้ความเห็นว่า ผู้คนมองเห็นอาคารใหม่ในฐานะความเจริญของเมือง แต่ไม่ได้นึกถึงสิ่งแวดล้อมหรือการสูญเสียประวัติศาสตร์ ซึ่งสาเหตุมาจากระบบการศึกษาที่สอนให้เห็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอาคารเก่าแต่เฉพาะเพียงวัด วัง และอาคารสำนักงานของหน่วยงานราชการเท่านั้น ในขณะที่บ้านไม้โบราณ ร้านค้า ตลาดริมถนน ถูกให้คุณค่าเชิงวัฒนธรรมน้อยกว่า ผู้คนจึงไม่รู้สึกอะไรกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
รายงานของมาสเตอร์การ์ด (Master Card) บริษัทบัตรเครดิตชั้นนำระดับโลก ระบุว่า ในปี 2562 มีชาวต่างชาติมาเยือนกรุงเทพฯ ถึง 22.8 ล้านคน ก่อนจะลดลงถึงร้อยละ 90 ในช่วงต้นปี 2563 จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว พวกเขาต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ที่แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เบลินดา ชิลค็อก (Belinda Shillcock) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของ Abercrombie and Kent บริษัทท่องเที่ยวระดับหรูหรา กล่าวว่า มันเป็นเรื่องสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกรุงเทพฯ ทั้งแบบเก่าและใหม่
บทความทิ้งท้ายโดยยกตัวอย่างโครงการพัฒนาห้างสรรพสินค้าและตึกสูงที่เข้ามาในย่านเก่าของเมืองหลวงประเทศไทย อาทิ โครงการพัฒนาย่านสวนลุมพินี-ถนนพระราม 4 ที่จะมีทั้งอาคารสำนักงาน 5 แห่ง โรงแรมหรู 5 แห่ง และคอนโดมิเนียมหรูอีก 3 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 และนั่นจะเปลี่ยนใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมใหม่ๆ และอพาร์ตเมนท์หรูหรากำลังเข้าแทนที่ชุมชนริมน้ำ ซึ่ง ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ (Michael Herzfeld) อดีตนักวิชาการมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า..
“ผู้บริหารกรุงเทพฯ ต้องการทำให้เมืองสวยงาม คำถามคือสวยงามในสายตาของใคร? วัฒนธรรมไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์หรือขายเอากำไร แต่มันคือสิ่งที่มีชีวิต”
ขอบคุณเรื่องจาก asia.nikkei
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี