ศธ.จัด‘นมโรงเรียน’ช่วงเรียนออนไลน์ เปิดจ้างชั่วคราว‘ครูผู้ช่วย’ดูแลเด็กปฐมวัย
19 พฤษภาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำให้กระทรวงศึกษาธิการ มีการประชาสัมพันธ์ถึงการจัดการศึกษาทางไกลผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผ่านสัญญาณฟรีทีวี 17 ช่อง ครอบคลุมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กศน. และอาชีวะ ที่เริ่มทดลองวันที่ 18 พฤษภาคม-30 มิถุนายน นี้ ซึ่งมีคนเข้าใจว่าเป็นการเรียนออนไลน์ แต่ในหลักของกระทรวงศึกษาธิการนั้น เราต้องการให้มีการเตรียมความพร้อมหากไม่สามารถเรียนได้ที่โรงเรียน จึงใช้สื่อโทรทัศน์เป็นตัวเชื่อมในการเรียนการสอน นายกฯจึงได้ย้ำว่าให้ ศธ.ประชาสัมพันธ์ตรงนี้ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจมากขึ้น
“อยากทำความเข้าใจกับทุกคนให้ตรงกัน ว่า การที่ ศธ.ใช้ระบบการเรียนการสอนที่บ้าน ไม่ว่าจะเรียนผ่านโทรทัศน์ หรือมีออนไลน์เข้ามาเสริม เมื่อมีวิกฤติเราไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้ที่โรงเรียน แต่เราจำเป็นต้องทดสอบระบบก่อน เพื่อหาแนวทางแก้ไขหากมีปัญหา และถึงแม้จะเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้แล้ว เราไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ ณ ตอนนั้น จะเป็นอย่างไร สมมุติว่าเปิดเรียนได้วันที่ 1 กรกฎาคม แล้วมีคนติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 คน ก็ต้องปิดโรงเรียน แต่การเรียนการสอนหยุดไม่ได้ เราก็จะนำระบบการเรียนการสอนที่บ้านที่เราได้ทดลงไว้นี้มาใช้ได้ ซึ่งระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม-30 มิถุนายน นี้ ที่เราได้ทำการทดลองไปก็จะทราบว่ามีข้อจำกัดอะไร หวังว่าหลัง 40 วันนี้จะไม่มีข้อจำกัด สามารถทำให้การเรียนการสอนต่อเนื่องไปได้โดยไม่มีปัญหา” รมว.ศธ. กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ส่วนหลังจากที่ทดลองวันแรกเกิดปัญหาอินเตอร์เน็ตล่ม เพราะผู้ปกครองหรือนักเรียนเข้าไปดู หรือเข้าเรียนผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่าดูผ่านโทรทัศน์ ดังนั้น ศธ.จะต้องเตรียมระบบรองรับ ไม่ว่าจะเป็นตัวเซิร์ฟเวอร์ ระบบคราวน์ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์และเท่าที่ไปตรวจเยี่ยมบ้านนักเรียนวันแรก อาจจะครึ่งหนึ่งของนักเรียนทั่วประเทศที่ปัญหามาจากระบบคราวน์ที่รองรับคนถึง 4 ล้านคนที่จะเข้าไปในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าบ้านจะมีฐานะยากจนก็ยังใช้โทรศัพท์มือถือในการดูโทรทัศน์ จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะต้องแก้ไขต่อไป รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายอินเตอร์เน็ตของนักเรียน รวมถึงเนื้อหาสาระการเรียน หากมีความผิดพลาดก็จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องจากต้นทาง ถึงแม้จะเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่เตรียมไว้ช่วงที่มีวิกฤติเท่านั้น
ส่วนที่มีการเรียกร้องให้เปิดเรียนปกติที่โรงเรียนในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคนั้น ตนจะยังคงยึดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ขั้นตอนในการเปิดเรียนจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรามีมาตรการของ ศบค. และโรงเรียนอยู่ในขั้นตอนแดงเข้ม ซึ่งวันนี้เราก็เห็นแล้วว่าบางประเทศมีการเปิดเรียนที่โรงเรียนและมีเด็กติดชื้อหลายคน ดังนั้นเราก็ต้องเอาบทเรียนต่างๆนี้มาเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้กัน ณ วันนี้เราก็ยังอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ใส่หน้ากากพูดกัน ทุกคนต้องเข้าใจ หากไปทำเหมือนเดิม และทำทุกอย่างเป็นปกติคงไม่ได้ เราจึงต้องเตรียมความพร้อม การศึกษาต้องใช้เวลาเตรียมตัวในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เราไม่สามารถทำอะไรที่จะมีผลกระทบในวงกว้าง ระบบสาธารณสุขของไทยที่ผ่านมาถือว่าดี แต่ถ้ามีการติดเชื้ออย่างกว้างขวางอีก โดยเฉพาะมีการแพร่มาจากโรงเรียนก็จะยากต่อการควบคุม เพราะเราไม่สามารถไปถามเด็กได้ว่าไปทำอะไรมาบ้างเป็นเรื่องที่ลำบากกว่าถามผู้ใหญ่
“ผมมั่นใจในแนวทางที่เราวางไว้ว่าเป็นมาตรการที่มีขั้นตอน ส่วนจะปล่อยตรงพื้นที่ไหนนั้นให้ทาง ศบค.พิจารณา เพราะมีผู้เชี่ยวชาญรวมอยู่มากโดยเฉพาะในส่วนของทางการแพทย์และสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาในการเปิดเรียน” รมว.ศธ.กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาถึงนมโรงเรียน ภายหลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือกันแล้วว่าจะจัดนมให้กับนักเรียนตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม-30 มิถุนายน 2563 ด้วย จึงนำผลการหารือนี้แจ้งให้นายกฯรับทราบแล้ว โดยขณะนี้มีวิกฤตินมล้นตลาด จึงเป็นโอกาสดีที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะร่วมกันแก้ปัญหา โดยการนำนมมาแจกเด็กนักเรียนในช่วงนี้ ในอดีตเด็กอาจจะไม่ได้รับนมในช่วงปิดเทอม แต่จะให้เด็กได้รับนมตามปกติ สำหรับการแจกนมก็ให้แต่ละพื้นที่ไปบริหารจัดการในการนำนมไปแจกให้ถึงนักเรียน”
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาถึงการใช้งบประมาณที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงนี้และที่ไม่มีงานทำ แต่การจ้างขอให้ตรงกับความต้องการในแต่ละกระทรวง ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมีความต้องการผู้ที่จะดูแลเด็กปฐมวัย ซึ่งขณะนี้สัดส่วนการดูแลระหว่างครูกับนักเรียนจะต้องมีการปรับสัดส่วน หากเราเลือกที่จะดูแลเด็กปฐมวัยหรือเด็กเล็กมาเรียนที่โรงเรียนเพราะผู้ปกครองไม่สามารถรับภาระนั้นได้ ซึ่งจากเดิมการดูแลเด็กปฐมวัยมีสัดส่วนอยู่ที่ เด็ก 20 คน ต่อครู 1 คน ก็จะลดสัดส่วนลงมาเป็นเด็ก 7 คน ต่อครู 1 คน หรือเด็ก 20 คน ต่อครู 3 คน ซึ่ง ศธ.จะนำตัวเลขนี้ไปศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการหาบุคลากรที่เหมาะสมมาเป็นผู้ช่วยครูในการดูแลเด็กปฐมวัย
“ศธ.จะไปดูครูผู้ช่วยที่ถูกขึ้นบัญชีไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการบรรจุเพราะข้ามจังหวัด ดังนั้นจะมีข้อเสนอว่าถ้าข้ามจังหวัดได้ หากต้องการทำงานชั่วคราว ในระยะเวลา 6 เดือน ค่าจ้าง 9,000 บาทต่อเดือน ซึ่ง ศธ.มีอัตราจ้างอยู่จำนวน 10,000 อัตรา มีประมาณ 540 ล้านบาท โดยจะแบ่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สพฐ. สอศ. และ สช.ในการจัดจ้าง ส่วน ศธ.จะมีการพิจารณางบส่วนอื่นมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ต้องขอไปพิจารณาก่อนเพราะจะต้องใช้งบอย่างระมัดระวัง ดังนั้นหากครูผู้ช่วยที่ขึ้นบัญชีไว้แล้วก็สามารถมามาสมัครเพื่อดูแลเด็กปฐมวัยก่อนได้ หรือคนอื่นๆที่มีความเหมาะสม” รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี