สพฐ.สั่งผอ.พื้นที่ลงสแกนปัญหาเรียนทางไกล พบบ้านนร.ไร้กล่องสัญญาณ 1.5 ล้านกล่อง เตรียมประเมินผล 3 เฟสก่อนเปิดเทอม 1 กรกฎาคม
20 พฤษภาคม 2563 ที่ห้องประชุมอาคาร สพฐ.4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท.) 225 เขต และผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video Conference เรื่องการจัดการศึกษาทางไกลในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายอำนาจ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อเน้นย้ำในสิ่งที่ สพฐ.ได้มอบหมายให้ ผอ.สพท. , ผอ.โรงเรียน และครูทุกคนไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน และวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และสอบถามในหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้มีการทดลองการเรียนทางไกลไปแล้ว ซึ่งวันนี้ถือว่าอยู่ในช่วงระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม-30 มิถุนายน 2563 จะเป็นช่วงตรวจสอบความพร้อมการเรียนการสอนทางไกล เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ และในช่วงทดลองนี้ สพฐ.เตรียมจัดการเรียนการสอนไว้ 3 แนวทาง
แนวทางแรก ON-SITE คือ เรียนที่โรงเรียนในพื้นที่ปลอดภัย
แนวทางที่ 2 จัดการเรียนการสอนผ่านช่องหลักของ TV ดิจิทัล , Ku-Band , C-Band , เคเบิลทีวี , IPTV เพราะเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า
แนวทางที่ 3 เรียนผ่านระบบ ONLINE คือ ผ่านอินเตอร์เน็ต และแอปพลิเคชั่น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบ DLTV ผ่านทีวีดิจิทัล และผ่านระบบ ONLINE ซึ่งมีประชาชนและนักเรียนเรียนผ่านทีวี และเรียนผ่านระบบออนไลน์จำนวนมาก ดังนั้น สพฐ.ได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้เน้นย้ำกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา อยากให้ลงไปดูปัญหาเป็นรายโรงเรียน และปัญหาผู้ปกครองรายคน ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบปัญหาคือทีวีที่บ้านของนักเรียนเปิดรับสัญญาณ DLTV ไม่ได้ หากครูที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็ให้ลงไปช่วยจูนสัญญาณให้ หรือให้สำรวจว่าบ้านใดที่ยังรับสัญญาณ DLTV ไม่ได้และไม่มีกล่องสัญญาณทีวีดิจิทัล ก็ให้รวบรวมข้อมูล โดยบ่ายวันนี้ (20 พฤษภาคม 2563) ตนจะไปหารือกับ กสทช. และกระทรวงดีอีเอส. เพื่อร่วมกันดูแลเรื่องกล่องรับสัญญาณ ขณะนี้ สพฐ.มีข้อมูลว่ามีบ้านนักเรียนที่ไม่มีกล่องรับสัญญาณประมาณ 1,500,000 กล่อง จึงต้องไปหารือกันเพื่อหาทางเติมเต็ม และช่วยแก้ไขปัญหา
“นอกจากนี้พบว่ามีปัญหาความไม่เข้าใจของผู้ปกครองว่าที่เรียนไปแล้วจะมีการนับวิชาเรียน หรือนับเกรดที่เรียนไปแล้วหรือไม่ และจะประเมินผลอย่างไร ผมจึงขอชี้แจงว่า การเรียนช่วงนี้เป็นการปรับพื้นฐาน และเป็นช่วงทดลองเตรียมความพร้อมให้นักเรียนที่จะไปเข้าเรียนในชั้นที่สูงขึ้น และเป็นการให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์กับสื่อที่ดีๆ ส่วนบ้านที่มีทีวีเครื่องเดียว แต่มีลูกหลายคนนั้น ก็ไม่ต้องกังวลเพราะการเรียนแต่ละช่วงชั้นมีการรีรัน และเด็กสามารถไปเรียนที่บ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้กันเรียนชั้นเดียวกันได้ หรือโรงเรียน ชุมชนท้องถิ่น สังคมก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ ผมจึงอยากให้ ผอ.เขตพื้นที่ฯลงไปดูข้อมูลให้ชัดๆแล้วแก้ปัญหาร่วมกัน หากมีปัญหาติดขัดก็แจ้งมา สพฐ.และ ศธ. ยินดีรับฟังข้อมูลเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในภาพรวม” นายอำนาจ กล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า สพฐ.จะมีการสรุปผลการจัดการเรียนทางไกล 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ในวันที่ 30 พฤษภาคม นี้ สพฐ.จะสรุปผลว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไร และมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง ส่วนครั้งที่ 2 จะสรุปผลช่วงกลางเดือนมิถุนายน และช่วงที่ 3 จะสรุปผลในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่จะเปิดภาคเรียนแล้ว จะต้องเติมเต็มในส่วนที่ขาดทั้งหมด เพื่อรับการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้
“เชื่อมั่นว่าในวันนี้สังคมจะมีความเข้าใจมากขึ้นว่าช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมความพร้อมรับเปิดเทอมเท่านั้น ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะเรียนอย่างไร ไม่มีทีวีดู ห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ และความเสมอภาค ผมขอชี้แจ้งว่าเรื่องเหล่านี้แก้ไขได้เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างเท่าเทียมกับเด็กในเมือง ส่วนเนื้อหาที่มีความผิดพลาดได้มีการประชุมหารือกันแล้ว เพื่อปรับแก้ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ โดยทางมูลนิธิการศึกษาทางไกลฯจะแก้ไข และ สพฐ.พร้อมจะสนับสนุนครูบูทแคมป์ภาษาอังกฤษไปช่วยสอน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี