ศบค.ปิ๊งไอเดียดึงรพ.ชั้นดี-ร.ร. 6 ดาวสถานที่กักตัวทางเลือกใหม่คนเดินทางกลับไทย ควักเงินจ่ายเอง หากรัฐอุ้มไม่ไหว
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 5,085,504 ราย เสียชีวิต 329,731 ราย สำหรับคนไทยเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 21 พ.ค. เวียดนาม 15 ราย เป็นนักท่องเที่ยวและนักศึกษา จีน 87 ราย เป็นผู้ป่วยและนักศึกษา ออสเตรเลีย 295 ราย เป็นนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน และอินเดีย 125 ราย เป็นนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน ส่วนในวันที่ 22 พ.ค. สหรัฐอเมริกา 100 ราย เกาหลี 80 ราย กาตาร์ 216 ราย และตูนิเซีย 4 ราย
ทั้งนี้ ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กได้พูดถึงเรื่องสถานที่กักกันตัวของรัฐแล้ว ยังจะมีอีกศัพท์หนึ่ง ที่เรียกว่า ออลเทอร์นาทิฟ สเตท ควอรันทีน ซึ่งเป็นสถานที่กักกันตัวทางเลือก เนื่องจากจากรัฐอนุญาตให้ต่างชาติเดินทางเข้ามา เช่น เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆที่มีใบอนุญาตให้เข้าที่ทำงานในประเทศไทย เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ซึ่งนักธุรกิจเมื่อเข้ามาแล้ว ไม่อนุญาตให้เข้าที่ทำงานเลย แต่ให้เข้าสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่เขามีเงินและขอสถานที่กักกันตัวแบบดีขึ้นมาหน่อย เช่น โรงแรมชั้นดี และโรงพยาบาลชั้นดี และขอจ่ายเงินเอง ซึ่งได้ทดลองทำระบบดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว โดยให้โรงพยาบาลและโรงแรมของเอกชนจับมือกัน และมีกระทรวงสาธารณสุขไปดูแลระบบ เมื่อครบ 14 วันมีบุคลากรทางการแพทย์เข้าไปตรวจและมีการออกใบรับรองแพทย์ให้ สามารถกลับไปทำงานได้
"ปรากฎว่า มีผู้นิยมใช้บริการในด้านนี้เป็นจำนวนมาก และไอเดียนี้จะมีการพัฒนาต่อไป ถ้าหมดพ.ร.ก. ฉุกเฉิน หากมีคนเดินทางเข้าประเทศ และสถานการณ์การติดเชื้อโควิดยังพุ่งขึ้นอยู่ ภาครัฐคงจะอุ้มอย่างเดียวไม่ไหว การจะมารับรองเหมือนเดิมคงจะไม่เกิดภาพนั้นแล้ว ถ้าเดินทางเข้ามาอาจจะให้เลือก ตั้งแต่โรงแรม 6 ดาว เป็นต้น ร่วมกับโรงพยาบาล ที่จะมาจับคู่กัน ฉะนั้นโรงแรมและโรงพยาบาลที่สนใจดูแลคนกลับจากต่างประเทศ ก็ถือเป็นโอกาสหากยังมีการแพร่ระบาดของโรค หรืออาจจะมีนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทย"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
สำหรับตัวเลขการลงทะเบียนใน www.ไทยชนะ.com เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 20 พ.ค. มีร้านค้าลงทะเบียน 73,295 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 6,333,746 คน ส่วนผลการตรวจกิจการ/กิจกรรม ประจำวันที่ 21 พ.ค.ตรวจทั้งสิ้น 21,697 กิจการ/กิจกรรม พบว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามมาตรการแต่ไม่ครบ มีจำนวน 31 กิจการ/กิจกรรม ซึ่งสูงสุดเป็นเรื่องของการเว้นระยะห่าง ขณะที่สายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) พบว่า มีการร้องเรียนเรื่องการมั่วสุม /การกระทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องการดื่มสุรา 50% อื่นๆ 33% และเล่นการพนัน 17% และเรื่องร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายวันที่ 21 พ.ค.พบว่า มีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 84 เรื่อง สูงสุดเป็นร้านอาหาร 58% รองลงมาร้านเสริมสวย 23%
เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องแพลตฟอร์มไทยชนะ ว่าอาจจะมีการล้วงข้อมูลส่วนตัว รวมถึงข้อมูลด้านการเงิน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีการล้วงข้อมูลส่วนตัวแน่นอนและไม่มีการไปตามเรื่องทางการเงิน และอยากขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ อย่างกรณี 2 รายที่ติดเชื้อรายใหม่ ถ้ามีการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ ก็จะทำให้สามารถติดตามตัวได้ง่าย จากคนที่เข้าไปสแกนเช็คอิน เช็กเอาท์ เมื่อพบจะเชิญตัวมาตรวจโรคโดยเร็ว รวมถึงประหยัดงบประมาณและประหยัดเวลา ควบคุมโรคได้ทัน ไม่ใช่ไปจะไปดูธุรกิจการค้า การใช้จ่าย ไม่มีตัวเลขเงินอะไรในฐานข้อมูลให้เราได้รับรู้ ไม่ต้องกังวลใจ สิ่งที่เราต้องการคือความปลอดภัยของท่านและการควบคุมโรคโดยเร็ว และหากไม่มีการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะก็จะต้องใช้ทีมสอบสวนโรคเข้า ซึ่งจะทำให้หาตัวค่อนข้างยาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี