วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มติเห็นชอบในการขยายระยะเวลาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 1 เดือน ตามข้อเสนอของที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) โดยมีเหตุผล 3 ข้อใหญ่คือ
1. ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้พ.ร.ก. โดยการป้องกันการแพร่ระบาดในราชอาณาจักรของโรคโควิด -19 จะต้องสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลาง ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้น มีกฏหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 40 ฉบับ และพ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับเดียวไม่สามารถจัดการได้อย่างเพียงพอเพราะมีทั้งเรื่องการรักษา การเรื่องติดเชื้อ โรงพยาบาล การเดินทางข้ามพื้นที่ การเดินทางเข้า-ออกต่างประเทศ การใช้พาหนะ อากาศยาน การตรวจคนเข้าเมืองอื่นๆ อีกจิปาถะ ดังนั้นการบริการจัดการจึงต้องเป็นเอกภาพภายใต้การบังคับใช้ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
2. การเตรียมการรองรับในระยะต่อไป ประเทศไทยอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการการผ่อนคลายในระบะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป้นกิจกรรมและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เพื่อกำกับการบริหารจัดการเพื่อบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายอย่างให้เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญมากเพราะว่าประเทศไทยอยู่ในระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ดังนั้นถ้าเทียบระหว่างระยะที่ 3-4 กับระยะที่ 1-2 นั้น ถือว่าระยะที่3-4 มีความเสี่ยงสูงกว่า ตอนนี้เรายังพอใจกับตัวเลขติดเชื้อเป็น 0 หรือ 1-2 ราย แต่เมื่อไหร่ที่กลับไปเป็นระยะที่ 3-4กิจกรรมที่มีคามเสี่ยงสูงจะปรากฏอยู่ตรงนี้ หลายคนจึงกังวลใจ
"ระยะที่มีความเสี่ยงต่ำ เราหย่อนมาตรการก็ยังพอเอาอยู่ แต่เมื่อระยะที่มีความเสี่ยงสูงเปิดไฟเขียวหมด แต่เราหย่อนมาตรการ พฤติกรรมความเสี่่ยงต่างๆ ก็จะกลับมา ดังนั้นเราต้องสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องนำพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาบริการจัดการให้เกิดความสมดุลเพื่อจัดการให้เป็นไปตามมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3-4 "นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ส่วนข้อที่ 3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงไม่สิ้นสุด โดยมีข้อมูลว่าหลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง และเมื่อประเทศไทยได้จัดทำมาตรการผ่อนตลายครบทั้ง 4 ระยะแล้ว จำเป็นจะต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมายแผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตเพื่อรองรับกับความเสี่ยงที่อาจมีการกลัลมาแพร่ระบาดของโรค
"วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งจะหมดประมาณสิ้นเดือนนี้ ถ้าเราบอกว่ายกเลิกเถอะพอแล้ว เราอยากจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ถึงตอนนั้น ถ้าไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เราจะเข้าสู่ระยะที่ 4 อย่างมั่นใจได้อย่างไร ถึงแม้เราจะมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นที่สุด เพียงแต่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำให้เรามีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกๆ ท่านก็เข้าใจเหมือนกันว่า เราทำไปเพื่อทุกๆท่าน และทุกๆท่านก็ทำเพื่อคนที่ท่านรัก แล้วที่สุดแล้วเราก็ทำเพื่อประเทศไทยประสบความสำเร็จจนมาถึงตอนนี้"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี