สธ.เตือนไทยชนะโควิด-19 แค่รอบแรก ต้องจับตาการผ่อนปรน ยกอุทาหรณ์ต่างประเทศระบาดระลอก2มีผู้ติดเชื้ออื้อ ขณะที่คนไทยจำนวนมากลดการป้องกันทุกด้าน
วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่ามีรายงานจากต่างประเทศวิเคราะห์ว่าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไทยอยู่ในลักษณะขาลง ใกล้สิ้นสุดการระบาด ว่า แนวโน้มการระบาดของไทยมีรายงานผู้ป่วยหลักเดียวติดต่อกันมาสักระยะ แต่ก็พูดได้เพียงว่าเป็นความสำเร็จของการควบคุมการระบาดในระลอกแรกเท่านั้น ขณะที่เราเริ่มทยอยผ่อนปรนกิจการ กิจกรรมต่างๆ โดยเรากำลังจะผ่อนคลายล๊อคระยะที่ 1,2,3,4 ซึ่งแต่ละช่วงของการผ่อนปรนจึงต้องมีการจับตาอย่างต่อเนื่อง และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ จากบทเรียนของต่างประเทศที่เขามีสถานการณ์การระบาดคลี่คลายแล้วกลับมาเปิดกิจการ หากไม่ควบคุมป้องกันให้ดีก็เห็นว่ามีหลายประเทศที่ทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ตามมา วันนี้เราอยู่ในช่วงขาลงชัดเจน ดังนั้นเราต้องควบคุมมันให้ได้ หากเราจบระลอกแรก แล้วประชาชนไม่ตระหนัก ก็จะเหมือนประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ก็อาจทำให้มีผู้ป่วยกลับมาอีก เผชิญกับการเกิดการระบาดระลอก 2” นพ.อนุพงศ์ กล่าว
ส่วนกรณีมีรายงานข่าวต่างประเทศรายงานว่าองค์การอนามัยโลก(WHO)ประกาศระงับการทดลองใช้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาต้านมาลาเรีย เพื่อใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัยนั้น นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกจะมีคณะกรรมการวิชาการที่ติดตามทุกประเทศที่มีการใช้ยารักษาโรคโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษาที่เป็นมาตรฐาน ส่วนการใช้ยาเพื่อป้องกันโรคนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตามที่ปรากฏข่าวมีผู้ที่ไม่รู้ว่าติดเชื้อหรือไม่ แต่ได้ไปกินยาดังกล่าวไว้ก่อน
ทั้งนี้ สำหรับการศึกษายาชนิดต่างๆ เพื่อการรักษาโควิด-19 นั้น เป็นเรื่องปกติที่ยาแต่ละตัวจะมีทั้งผลดี ผลเสีย และผลข้างเคียง แต่ก็จะมีข้อสรุปยาที่สามารถใช้ได้ ซึ่งจากการติดตามยาทุกตัวที่ใช้ขณะนี้ ยังไม่มียาขนานใดที่องค์การอนามัยโลกออกมาประกาศยับยั้งการทดลอง คาดว่าสื่อดังกล่าวอาจจะเกิดความเข้าใจผิด
ด้าน นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยจะมีการสำรวจเชิงคุณภาพหลังจากที่มีการผ่อนปรนกินการ/กิจกรรมแต่ละระยะๆ ซึ่งระยะแรกเราพบว่าคนไทยการ์ดตกทุกด้าน ทั้งการคัดกรองวัดไข้ การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคล สังคม และการเอามือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า รวมๆ ลดลง 5% การเอามือมาสัมผัสใบหน้า จาก 62.9% เหลือ 52.9% การไปใช้พื้นที่สาธารณะโดยไม่มีการสวมหน้ากากหรือเว้นระยะห่าง การคัดกรองไข้จาก 97.2% เหลือเพียง 97% ลดลงเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีอาการไข้ 87% ดังนั้น ถ้าเราคัดกรองไข้ก็จะช่วยลดโอกาสแพร่เชื้อได้
ทั้งนี้ ได้เตรียมสำรวจเชิงคุณภาพหลังผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรมรอบ 2 เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ส่งต่อให้กับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด-19 (EOC)กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค.พิจารณาต่อไป ซึ่งการคัดกรองไข้ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่แค่วัดอุณหภูมิแล้ว แต่ให้ซักประวัติมีไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือไม่ รวมทั้งการกำกับให้สวมหน้ากากอนามัย การตั้งเจลล้างมือทุกจุดเข้าออกทำ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี