‘แก๊งกู้ดอกโหด’มีหนาว! ตำรวจผุด‘ศปน.ตร.’ ลุยล้างบางเหตุซ้ำเติมปชช.ช่วงโควิด
27 พฤษภาคม 2563 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการดำเนินชีวิตของประชาชนในวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงสั่งการให้ สตช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้แก่ประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้สั่งการโดยเร่งด่วนให้จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปน.ตร. ขึ้น โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงานปราบปรามอาชญากรรมพิเศษงานนโยบายสำคัญเร่งด่วน และมอบหมายให้ตนเองเป็นผู้อำนวยการศูนย์ ซึ่งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ
“สตช.จะมีภารกิจหน้าที่เกี่ยวกับการปราบปรามและดำเนินคดีกับ ผู้มีอิทธิพล บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือ มีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน” โฆษก ตร.กล่าว
โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า แนวทางการทำงานของ ศปน.ตร. จะดำเนินการควบคู่กัน 2 ส่วน ทั้งส่วนกลาง และส่วนปฏิบัติการในพื้นที่ คือฝ่ายปฏิบัติการส่วนกลาง มีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหลัก โดยมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) เป็นหน่วยรับผิดชอบ และมีกองบังคับการปราบปราม(บก.ป) กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นหน่วยร่วมปฏิบัติการ
ฝ่ายปฏิบัติการหลักในพื้นที่ มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบในพื้นที่ โดยมีผู้บัญชาการ เป็นหัวหน้า และเชิญผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิ ฝ่ายปกครอง อัยการ สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ดินจังหวัด สรรพากรจังหวัด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้สถานีตำรวจทุกแห่งจะสนับสนุนข้อมูล ประวัติ พฤติการณ์ของนายทุนตลอดจนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
“ปัจจุบันการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปในหลากหลายรูปแบบ เช่น ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการจำนวนมาก หรือล่าสุดขณะนี้ มีการเปิดเป็น Application เพื่อให้ประชาชนกู้ยืมเงินผ่านโทรศัพท์ โดยแอปพลิเคชั่นจะบังคับให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆในโทรศัพท์ เมื่อผิดนัดชำระหนี้ จะมีการทวงหนี้ โดยส่ง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลอื่นที่มิใช่ลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้ได้รับความอับอาย เป็นต้น” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ที่กองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 0523410680 หรือร้องทุกข์ได้โดยตรงที่ สถานีตำรวจทุกแห่ง หรือผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 191 และ 1599ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี