ศธ.กางแพ็คเกจอุ้ม‘ครู-รร.เอกชน’ นัดถกกงสุล-ตม.หาช่องให้ต่างชาติกลับมาเรียน-สอน
27 พฤษภาคม 2563 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 5/2563 ว่า ที่ประชุมมีข้อเสนอหลายอย่าง ซึ่งทาง รมว.ศธ. , รมช.ศธ. รวมถึง เลขาธิการ กช. ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามทำทุกวิถีทาง และสิ่งใดที่คณะกรรมการ กช. มีอำนาจเราก็พยายามทำให้จบเองโดยเร็วที่สุดอยู่แล้ว
รมช.ศธ. กล่าวถึงการเปิดโรงเรียนในสังกัด สช. ว่า คณะกรรมการ กช. เสนอข้อห่วงใยเรื่องสุขภาพในภาพรวมของคนทั้งประเทศในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยทางคณะกรรมการ กช.มีข้อเสนอที่อยากให้ทาง ศธ.นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทั้งที่ได้รับเงินการอุดหนุนและที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ โดยจะขอให้รัฐสนับสนุนหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเบื้องต้น ซึ่ง สช.ตระหนักในเรื่องการแพร่ระบาดอย่างมาก เพราะทุกโรงเรียนไม่ว่าจะสังกัดใด รวมถึงผู้เรียนที่มาศึกษาในประเทศไทยจะต้องได้รับการดูแล เพราะหากดูแลไม่ดีในเบื้องต้นก็อาจจะมีการแพร่ระบาดของโรคได้
นางกนกวรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนโรงเรียนนานาชาติ ที่ประชุมห่วงเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม หากเด็กมาเรียนในห้องเรียน ที่ประชุมจึงขอให้ทางโรงเรียนเสนอแนวทางในการจัดการเรียนการสอนมาให้ เพื่อจะช่วยคิดหาแนวทางที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดมาให้ เพราะรัฐบาลและเราทุกคนก็มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัย รวมถึงผู้ปกครอง และโรงเรียนเองก็ห่วงใย จึงต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการตัดสินใจร่วมกันว่าอะไรดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด เช่น การให้เด็กสลับกันมาเรียนที่โรงเรียนส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้านก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและเร่งรัดให้เกิดหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อให้โรงเรียนเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กู้ยืมเงิน หรือยืมเงิน จากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบฯ เพื่อนำไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนในการดำเนินกิจการของโรงเรียนในระบบ รายละไม่เกิน 500,000 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ย จากเดิมคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 และให้กู้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ให้ใช้คนค้ำประกันแทน และให้ผ่อนชำระคืนภายใน 1 ปี หรือ 12 งวด จากเดิมชำระปีละ 2 ครั้ง
“เดิมกองทุนนี้ให้กู้ยืมเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโรงเรียนเท่านั้น แต่เนื่องจากช่วงนี้โรงเรียนประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19 จึงอยากให้โรงเรียนกู้ยืมไปเสริมสภาพคล่องได้ และปลอดดอกเบี้ย สำหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในภาคใต้ ทั้งนี้ เงินที่กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เตรียมไว้ให้โรงเรียนเอกชนกู้ยืม มีจำนวน 605 ล้านบาทเศษ เพราะ สช.ไม่ได้รับงบประมาณมาสนับสนุนเพิ่มตั้งแต่ปี 2558 แต่เนื่องจากโรงเรียนเอกชนประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19 จึงให้มีระเบียบใหม่และที่ประชุม กช.ก็เห็นชอบ โดยทางกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบฯ สามารถปล่อยกู้ได้เลยในวันที่ 15 มิถุนายน นี้ เพื่อให้โรงเรียนเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่อง” นางกนกวรรณ กล่าว
ด้านนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า ตามที่ รมช.ศธ. มีนโยบายในการแก้ปัญหาให้กับครูที่เป็นสมาชิกในกองทุนสงเคราะห์ โดยให้ปล่อยกู้ให้กับครูโรงเรียนเอกชน ที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 และขณะนี้ได้มีครูเอกชนกู้เงินกองทุนไปแล้ว จำนวนกว่า 1,200 คน รวมวงเงินจำนวน 108 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครูเอกชนได้พอสมควร
สำหรับในส่วนของการเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาล จากวงเงิน 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 1.5 แสนบาทนั้น ได้มีครูใช้บริการเพิ่มขึ้น จึงก็เป็นการช่วยเหลือครูเอกชนได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนที่ครูเอกชนอยากให้ค่ารักษาพยาบาลครอบคลุมถึงบิดา มารดา ด้วยนั้น ทางกองทุนฯก็มีการเร่งรัดพิจารณาในเรื่องนี้อยู่ รวมถึงข้อเสนอการซื้อประกันสุขภาพ เพื่อนำมาเพิ่มเติมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลได้ด้วย
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า จากที่ สช.ได้มีการสำรวจความต้องการของโรงเรียนเอกชนในเรื่อง Soft Loan หรือเงินกู้ผ่อนปรน เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือไม่มีอัตราดอกเบี้ยเลย ระยะเวลาให้กู้ยาวนั้น ซึ่ง สช.ได้นำเสนอข้อมูลให้ รมว.ศธ. และ รมช.ศธ. แล้ว โดยวงเงินที่โรงเรียนเอกชนจะขอกู้ Soft Loan มีทั้งหมดมีจำนวนกว่า 4,100 ล้านบาท ซึ่งในขั้นตอนต่อไปทางรัฐบาลก็คงต้องไปประสานกับสถาบันการเงิน เพื่อขอวงเงินกู้ Soft Loan มาช่วยดูแลโรงเรียนเอกชน
เลขาธิการ กช. กล่าวด้วยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายดูแลโรงเรียนเอกชน ที่มีความเดือดร้อนเรื่องภาษีป้าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายใหม่ ซึ่งทางศธ.ได้เสนอเรื่องนี้ไปตามลำดับขั้น และเข้าใจว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล เพื่อที่จะของด หรือขอยกเว้นเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะภาษีป้าย แต่เดิมนั้น ทางกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ยกเว้นให้เฉพาะป้ายชื่อโรงเรียน แต่ทาง ศธ.เห็นว่าโรงเรียนเป็นบริการสาธารณะ ฉะนั้นไม่ว่าป้ายใดๆก็ตาม ที่ใช้ในกิจการการศึกษาของโรงเรียนและตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนขอให้ยกเว้นการเก็บภาษีทั้งหมด เพราะล่าสุดมีโรงเรียนเอกชนร้องมาที่ สช.ว่ามีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังรายเดียวนับแสนบาท
ทั้งนี้ ผู้บริหาร ศธ.จึงหารือกันและเห็นว่าหากต้องชำระภาษีโรงเรียนนอกระบบนับแสนบาทจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ในเรื่องนี้ รมช.ศธ. ก็ได้หารือกับรองนายกวิษณุที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปในเบื้องต้นแล้ว รวมถึงเรื่องขอลดหย่อนภาษีสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนเอกชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็รอฟังความคืบหน้าต่อไป
“ขณะนี้ประสบปัญหาทั้งนักเรียนและครูทั้งในโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนเอกชนนอกระบบ โรงเรียนประเภทสามัญ ส่วนปัญหาของครูต่างชาติ และนักเรียนต่างชาติ ที่ก่อนโควิด-19 เดินทางกลับประเทศ และอยากกลับเข้ามาอีก สช.จะแก้ปัญหาให้อย่างไร สำหรับครูต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานและนักเรียนต่างชาติที่จะมาเรียนใหม่ จะอำนวยความสะดวกอย่างไร รมช.ศธ.จึงมอบให้ น.ส.ดุริยา อมตวิวัฒน์ รองปลัด ศธ. นัดประชุม กงสุล , ตม. , กรมการพาณิชย์ ในวันที่ 5 มิถุนายน นี้ เพื่อหาทางออกร่วมกันว่าในภาวะวิกฤติโควิด-19 นี้ เราจะอำนวยความสะดวกให้กับครูต่างชาติที่จะเข้ามาสอน และนักเรียนต่างชาติที่จะเข้ามาเรียนในโรงเรียนนานาชาติได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้โรงเรียนนานาชาติก็เตรียมจะเปิดสอนแล้ว รวมถึงกติกาการกักตัว 14 วันด้วย” นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี