วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 สืบเนื่องจากกรณีที่ ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในฐานะแอดมินเพจ “Surathai” กล่าวในงานเสวนาออนไลน์เรื่อง “โพสต์ขายเหล้าเบียร์มันผิดมากนักหรือ พูดคุยกับผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งจับและปรับตาม พรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่จัดบนเฟซบุ๊คแฟนเพจของตน เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่งระบุว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 32 ว่าด้วยการห้ามโฆษณา ที่ผ่านมามีปัญหามาก
เช่น 1.ภาครัฐในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ชี้แจงให้ชัดเจนว่าอะไรทำได้-ทำไม่ได้ แต่ใช้วิธีปล่อยให้แต่ละคนไปสู้คดีในศาลกันเอง หรือ 2.กฎหมายนี้เอื้อต่อการผูกขาดหรือไม่ เพราะในขณะที่ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ขายสินค้าได้มาก จึงมีเงินจ่ายค่าปรับได้อย่างไม่เดือดร้อนมากนัก ในขณะที่รายย่อยทุนน้อยไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ ดังนั้นภาคประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจะขอใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 77 ยื่นขอแก้ไขกฎหมาย แม้จะสุ่มเสี่ยงต่อการเปิดช่องให้ฝ่ายที่ต้องการแก้ไขให้เข้มงวดขึ้นลงมือด้วยก็ตาม
ในเวลาต่อมา ช่วงบ่ายของวันที่ 28 พ.ค. 2563 ผศ.ดร.เจริญ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว ว่า อย่างไรก็แล้วแต่ฝ่ายที่ต้องการแก้ไขกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น โดยจะปิดช่องไม่ให้รายใหญ่นำตราสัญลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปใช้กับสินค้าอื่นๆ ได้อีก ต้องเดินหน้าแก้ไขกฎหมายแน่นอน เนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี 2562 มีการจัดประชุมไปแล้ว ดังนั้นฝ่ายของตนก็จะเดินหน้าแก้ไขเช่นกัน และเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการเผชิญหน้า แต่ก็เชื่อว่าคนทั่วไปไม่ได้รังเกียจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เห็นแสดงออกกันมากน่าจะเป็นกลุ่มที่ถูกจัดตั้งมามากกว่า
“มันมีไอโอ (IO-ปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร) ด้านนี้แน่นอน เพราะเขามีงบเยอะ แล้วคนทั่วไปเขาก็ไม่ได้คิดสุดโต่งถึงขนาดนี้ คนทั่วไปเขาเห็นการดื่มเหล้าในชีวิตประจำวัน แล้วความรุนแรงอะไรที่เกิดขึ้นจากพวกนี้มันมาจากกลุ่มที่ดื่มเหล้าที่ไม่มีคุณภาพ คนไม่มีคุณภาพอย่างไรมันก็ไม่มี มันก็ดื่มอย่างไม่มีคุณภาพอยู่ดี เมาแล้วขับ เมาแล้วมีเรื่อง ทุกเรื่องเขามีกฎหมายอยู่แล้วแต่คุณบังคับใช้ไม่ได้ ทำไมคนไทยไปอยู่ต่างประเทศเขาขับรถดีได้ คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นชอบดื่มจะตาย แต่ถ้าเช่ารถไม่มีสิทธิ์จะดื่มแล้วขับ เพราะทางญี่ปุ่นเขาไม่ให้” ผศ.ดร.เจริญ กล่าว
ผศ.ดร.เจริญ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาของประเทศไทยคือชอบออกกฎหมายใหม่ๆ มาเรื่อยๆ ทั้งที่กฎหมายเดิมที่มีอยู่ก็ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับคนอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ในความเป็นจริงห้ามได้แต่เพียงร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำทั่วไปห้ามไม่ได้ แถมบางเรื่องยังดูเป็นการลิดรอนเสรีภาพอีกต่างหาก เช่น การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนาพุทธ ทั้งที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา การห้ามขายลักษณะนี้จึงกระทบคนที่นับถือศาสนาอื่น
เมื่อถามต่อไปว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเปิดช่องให้กลุ่มที่มีมุมมองเชิงลบต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสุดโต่งสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นหรือไม่ เนื่องจากหนึ่งในการระบาดใหญ่มาจากการดื่มในสถานบันเทิง ทำให้มีความกังวลเรื่องการตั้งรวมกลุ่มวงดื่มสุรา ขณะที่ฝ่ายสาธารณสุขเองก็ออกมาประโคมข่าวว่าการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเดือน เม.ย. 2563 นอกจากจะลดการตั้งวงดื่มสุราแล้วยังลดอีกหลายปัญหา เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน ความรุนแรงในครอบครัว ตนเห็นว่าเรื่องนี้สามารถชี้แจงกับสังคมได้เช่นกัน
“ตอนนี้คนไทยไม่ติดโควิดกันเองแล้ว ที่มีสถิติทุกวันนี้มาจากต่างประเทศ คนไทยในประเทศไม่มีการติดแล้ว แล้วการดื่มเหล้าที่บ้านมันเสียหายตรงไหน คุณก็ไปลิดรอนสิทธิเขา คือเหมือนกับมาล้วงสุขภาพเขาในบ้าน ฉะนั้นคุณก็ต้องห้ามกินน้ำตาล ถึงเวลา 4 โมงเย็นคุณก็ต้องบังคับให้ไปออกกำลังกาย หรือตอนเช้า 8 โมง ให้ไปออกกำลังหน้าเสาธง” ผศ.ดร.เจริญ ระบุ
ผศ.ดร.เจริญ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่มีผู้มองว่า ประเทศไทยมีระบบสวัสดิการสาธารณสุขที่ถูกที่สุดในโลก ดังนั้นต้องลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลและเป็นภาระภาษี ตนเห็นว่า ประเทศไทยมีงบประมาณมากแต่มีปัญหาด้านการบริหารจัดการ การเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงกว่าสินค้าอื่นๆ ด้วยเหตุผลด้านผลกระทบทางสังคมนั้นเข้าใจได้ แต่อย่าให้สุดโต่งถึงขั้นตัดทางทำมาหากินและลิดรอนสิทธิของประชาชน เพราะคนที่ดื่มแล้วก่อเรื่องก่อราวเป็นคนส่วนน้อย และพฤติกรรมเหล่านั้นมีข้อกฎหมายเอาผิดอยู่แล้ว
“ดื่มอย่างรับผิดชอบ (Drink Responsibility) ทำไมประเทศอื่นทำได้ ประเทศที่เขาใช้กฎหมายได้สำเร็จ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนกินเหล้าแย่กว่าคนไทยอีก คนทำงานใส่สูทเมืองไทยไม่ได้ไปร้านเหล้าทุกวัน หนุ่มๆ ของไทยอย่างมากก็ไปอาทิตย์ละ 3 วัน คนญี่ปุ่นไปทุกวัน แล้วก็กินจนเมานอนอยู่ตรงสถานีรถไฟ แล้วเช้าก็ไปทำงานอีก เขากินสุดๆ แล้วก็ทำงานหนักสุดๆ แล้วเขาก็ไม่ไปใช้รถยนต์ คือเขารับผิดชอบ คือถ้าคุณสามารถทำให้กฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์ได้ คุณก็ไม่ต้องไปออกกฎหมายเพิ่ม” อาจารย์เจริญ กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี