‘ในหลวง-ราชินี’พระราชทาน‘ห้องตรวจหาเชื้อ’แห่งที่ 17 ให้ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
4 มิถุนายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)”ภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” ให้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นแห่งที่ 17 จาก 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้ เอสซีจี ดำเนินการก่อสร้างภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อเสริมความพร้อมหากมีการระบาดของเชื้อโควิด - 19 ระลอกใหม่
ห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว มีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นายชลณัฐ ญาณารณพ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี พร้อมด้วยผู้บริหารโรงพยาบาลเชียงรายฯ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวฯ
ทั้งนี้ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ประจำจังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก่อตั้งมา 83 ปี ปัจจุบันมีผู้ป่วยทั้งในจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง เข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การที่มีห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวฯ จะช่วยปกป้องและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด - 19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งล้วนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อจังหวัดเชียงราย และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ เอสซีจี ดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และประชาชนทุกคนในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผู้ป่วยติดเชื้ออื่น ๆ ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด อย่างเต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันและลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้ง เป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญ มีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป
ทางด้าน นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ในครั้งนี้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการการตรวจหาเชื้อ ซึ่งปัจจุบันจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง ที่ต้องมารับการตรวจรักษาที่ “โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์” จำนวนมาก โดยการได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ในครั้งนี้ พวกเรารู้สึกปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า ทีมแพทย์ และบุคลากรโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์รู้สึกปลื้มปีติในพระเมตตา เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงห่วงใย ทำให้บุคลกรทางการแพทย์ ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง ปกติแล้วเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการกันเอง เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หากมีการระบาดใหม่ก็จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เป็นโรงพยาบาลศูนย์ ที่ดูแลผู้ป่วยทั้งในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง การได้รับพระราชทาน Modular Swab Unit ครั้งนี้ ในนามของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ตลอดจนประชาชนชาวเชียงราย รู้สึกปลาบปลื้มต่อพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ได้พระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ หรือ Modular Swab Unit เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลพี่น้องประชาชน ตามพระราชปณิธานของทั้งสองพระองค์ ซึ่งทางโรงพยาบาลจะนำไปใช้เพื่อดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวเชียงรายและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
ขณะที่ นายชลณัฐ ญาณารณพ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนในจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง ที่เข้ารับการตรวจรักษาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution จุดเด่นคือ มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยประหยัดการใช้ชุด PPE
สำหรับห้องตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้ติดตั้งบริเวณลานหน้าอาคารสมเด็จย่า ซึ่งใกล้กับจุดคัดกรองผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล เพื่อให้ขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าพื้นที่ติดตั้งจะมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นพื้นที่แคบและมีสายไฟฟ้าแรงสูงกั้นขวาง แต่ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงสามารถดำเนินการติดตั้งเสร็จภายในเวลา 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลฯ ได้ในทันที
ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม "ห้องตรวจหาเชื้อ" พัฒนาโดย "เอสซีจี" ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศนราดูร 6. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 7. รพ.ตำรวจ 8. รพ.ราชบุรี 9. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 10. รพ.นครปฐม 11. รพ.อุตรดิตถ์ 12. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 13. รพ.นครพิงค์ 14. รพ.พหลพลพยุหเสนา 15. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.หาดใหญ่ และ 20. รพ.สงขลานครินทร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี