นครพนมเร่งสอบปมนายทุนฮุบที่ดินรัฐ‘งอกใหม่’ริมโขง ขูดรีดเก็บค่าเช่าชาวบ้าน
5 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาว อ.บ้านแพง จ.นครพนม นำโดย นายอังกูล ถิ่นพนม อายุ 56 ปี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ อ้วนแก้ว อายุ 62 ปี นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อ นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอบ้านแพง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้ตรวจสอบแก้ไขเกี่ยวกับปัญหานายทุนฉวยโอกาสเข้าไปครอบครอง ฮุบที่ดินสาธารณะประโยชน์ในพื้นที่ติดริมน้ำโขง ที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดดอนแพง” ซึ่งเป็นพื้นที่งอกใหม่ ครอบคลุมพื้นที่บ้านหัวหาด หมู่ 12 จรดบ้านท่าลาด หมู่ 9 ต.บ้านแพง ระยะทางยาวประมาณ 7 กิโลเมตร รวมมีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ จากเดิมมีพื้นที่ประมาณเกือบ 3,000 ไร่
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่ง ให้ อบจ.นครพนม ดำเนินการจัดสรรให้ชาวบ้านเช่าทำกินตั้งแต่ปี 2528 จนกระทั่งปัจจุบันมีที่ดินงอกเพิ่มรวมกว่า 5,000 ไร่ แต่มีนายทุนเข้าไปครอบครองแสวงประโยชน์ ขูดรีดเก็บค่าเช่าไร่ละ 7,000 – 8,000 บาทต่อปี โดยไม่มีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และจัดเก็บภาษี ทำให้รัฐเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่นานหลาย 10 ปี
นายวรวิทย์ เปิดเผยว่า หลังมีการร้องเรียน ทางอำเภอได้ออกคำสั่งตั้งคระทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับที่ดินอำเภอ ที่ดินจังหวัด เทศบาลตำบลบ้านแพง และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และตรวจสอบหลักฐานจากผู้ร้องเรียน รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า พื้นที่ดินริมโขงดังกล่าว เป็นที่งอกใหม่ เดิมกระทรวงมหาดไทย หมอบหมายให้ อบจ.นครพนม จัดสรรจัดเก็บภาษี มาตั้งแต่ปี 2528 จากนั้นสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหลายพันไร่ ทำให้มีชาวบ้าน เข้าไปจับจองทำการเกษตร และอาจมีการตกลงซื้อขายกันส่วนตัว ซึ่งทางอำเภอจะได้ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบการครอบครองปัจจุบันทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบในรายละเอียดที่มาการครอบครองทั้งหมด โดยจะได้ มอบหมายให้ทางเทศบาลเข้ามาตรวจสอบ และวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งจะต้องใช้วิธีการสอบสวนหาหลักฐานที่มา เพื่อยืนยันหาผู้ครอบครอง หากพบว่ามีนายทุนเข้าไปครอบครองจริง เพื่อแสวงประโยชน์ จะต้องมีการสรุปหลักฐาน เพื่อความชัดเจน พร้อมจะได้เสนอให้จังหวัด ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หากพบว่า มีนายทุนเข้าไปครอบครอง จะต้องทำการยกเลิกจัดสรรให้เกษตรกร ทำการเช่าทำกิน โดยต้องรอขั้นตอนการตรวจสอบ
ด้านนายดนัย สิทธิวัชระชัย นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแพง เปิดเผยว่า สำหรับที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่งอกใหม่ ติดกับแม่น้ำโขง ไม่ได้อยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลบ้านแพง เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ จากนั้นมีการงอกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ตอน รวมประมาณ 5,000 – 6,000 ไร่ ก่อนนี้ จากการตรวจสอบของเทศบาลตำบลบ้านแพง เพื่อทำการสำรวจจัดหาผลประโยชน์ พบว่า พื้นที่ตอนที่ 1 มีเนื้อที่ กว่า 2,500 ไร่ กระทรวงมทหาดไทย ได้มีคำสั่งให้ อบจ.นครพนม ดูแล จัดสรรให้เกษตรกร เช่าในรูปแบบการเสียภาษี ไร่ละประมาณ 20 บาท มาตั้งแต่ปี 2528 ภายหลังที่ดินดังกล่าว มีการงอกเพิ่ม รวมทั้งหมด 3 ตอน รวมมีเนื้อที่ กว่า 5,000 – 6,000 ไร่ แต่ไม่มีความชัดเจนในการเข้าไปดูแล เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย ยังไม่มีคำสั่ง ในการถ่ายโอน ซึ่งทางเทศบาลตำบลบ้านแพง ได้ ทำหนังสือไปยังกรมที่ดิน รวมถึง กระทรวงมหาดไทย มานานกว่า 10 ปี เพื่อให้ดำเนินการถ่ายโอน และสั่งการให้เกิดความชัดเจนเพื่อเข้าไปดูแล จัดเก็บภาษี และบริหารจัดการในที่ดินของรัฐ และได้จัดสรรงบประมาณเข้าไปสำรวจรังวัดในตอนที่ 1 มาก่อนนี้ พร้อมเสนอผ่านจังหวัด และมหาดไทย แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ ทำให้เทศบาลไม่สามารถเข้าไปจัดเก็บภาษีได้ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทำให้มีพื้นที่ที่งอกใหม่ มีเกษตรกร รวมถึงกลุ่มบุคลเข้าไปบุกรุกครอบครองทำกิน ด้วยช่องว่างของกฎหมาย
“ทางเทศบาลตำบลบ้านแพง อยากให้ จังหวัดนครพนม เร่งเสนอกระทรวงมหาดไทย สั่งการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคล หรือนายทุน เข้ามาแสวงประโยชน์ ที่สำคัญจะเป็นการจัดสรรที่ดินรัฐ เข้าระบบการดูแลจัดเก็บภาษีตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันคาดว่าหากมีการจัดเก็บภาษีให้เกษตรกรทำกิน จะสามารถนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นได้มากพอสมควร คาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ ไร่ละประมาณ 100 บาท แต่หากไม่มีความชัดเจน จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่ อย่างแน่นอน สิ่งที่ตามมาคือปัญหาบุกรุกครอบครองเข้าไปแสวงประโยชน์” นายดนัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี