กระทรวงยุติธรรม ประชุมด้านสิทธิมนุษยชน “สมศักดิ์” สั่งหน่วยงานวางแผนลดความซับซ้อนเพิ่มประสิทธิภาพ ผุดไอเดียสร้าง “นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์” แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน
7 มิถุนายน 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เปิดเผยว่า ตนได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2563 โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม , นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาผลสำเร็จของวาระแห่งชาติด้านสิทธิมนุษยชน (พ.ศ. 2561-2562) การดำเนินงานตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ ระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 - 2565) ความก้าวหน้าของร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 แนวทางการขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชน ปี 2563 และเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนและขับเคลื่อน แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน คณะอนุกรรมการติดตาม พิจารณา และคัดเลือกองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน คณะอนุกรรมการประสานการดำเนินงานตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยผู้แทนจากกระทรวงแรงงานได้รายงานถึงความสำเร็จในการดูแลแรงงานในการประมงผิดกฎหมาย จนได้รับประกาศปลดจากใบเหลืองเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายหรือ IUU Fishing
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ชื่นชมการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะการผลักดันให้รัฐบาลประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ การประกาศใช้แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เป็นประเทศแรกในเอเชีย และการส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับเด็ก เยาวชน และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โดยที่ประชุมเสนอให้กระทรวงยุติธรรมบูรณาการ การดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ต้องขัง ทั้งช่วงระหว่างที่ถูกควบคุมตัวและหลังจากพ้นโทษแล้ว บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ในการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน และสร้างการรับรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับทุกภาคส่วน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พันธกรณีระหว่างประเทศ และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
“ผมได้เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาถึงการนำแผนไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างแท้จริง อาทิ กรณีศึกษาเรื่อง เด็กนักเรียน 2 คน ที่โดนข่มขืนกระทำชำเราโดยครู 5 คน และรุ่นพี่ที่ จ.มุกดาหาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมีหน่วยงานต่างๆลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือเด็ก จนทำให้เกิดการทำงานที่ซับซ้อนและสับสน เป็นการทำงานที่อาจจะไม่ได้ผลสัมฤทธิ์” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงยุติธรรมกำลังคิดสร้างนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ แนวคิด คือ เมื่อมีผู้พ้นโทษแล้ว แต่ไม่มีผู้กล้ารับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน กระทรวงยุติธรรมได้ขอให้กระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงเรื่องลดหย่อนภาษีให้บริษัท ห้างร้าน ที่รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน โดยลดหย่อน 2 เท่า ซึ่งกระทรวงการคลัง ให้การสนับสนุน 2 ปี ลดหย่อน 2 เท่า ออกมาแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการแก้ปัญหา โดยก่อนพ้นโทษนักโทษต้องมีอาชีพ มีทักษะ และเนื่องจากตอนนี้เมื่อพ้นโทษออกมาต้องกักตัว เพราะโควิด 14 วัน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว กระทรวงไหนมีที่ดินเยอะๆ ขอให้สนับสนุนกระทรวงยุติธรรมในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ และถ้าจะให้เข้าไปอยู่ในแผนสิทธิมนุษยชนด้วย
“ผมได้คุยกับปลัดกระทรวง เราไม่ตั้งใจที่จะสร้างคุกเพิ่ม ถ้าเราจะสร้างจะเป็นลักษณะเรือนจำเบา เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพไปในตัว และมีค่าก่อสร้างถูก สิ่งต่างๆเหล่านี้ เราพยายามดูข้อกฎหมายที่ยังไม่สมดุลกับจำนวนผู้ต้องขัง และงานในประเทศตอนนี้แรงงานในประเทศขาด เนื่องจากแรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศกันเยอะ และตอนนี้สิทธิมนุษยชนผู้ต้องขังควรจะมีที่นอนกว้างยาวเท่าไร ที่ตั้งไว้ตอนนี้ 1.2 ตารางเมตร ต่อคน ก็เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์” นายสมศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี