ตามที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีความจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และอาจจะส่งผลต่อการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ โดยมีสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้การบินไทยอยู่ 86 แห่ง มูลหนี้กว่า 4.3 หมื่นล้าน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งทำความเข้าใจกับสมาชิกสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้บริษัทการบินไทย ถึงแนวปฏิบัติหลังการบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อไม่ให้สมาชิกของสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ตื่นตระหนก...และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เพื่อชี้แจงแนวทางการฟื้นฟูกิจการและการปฏิบัติของเจ้าหนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และ นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ รวมถึงผู้แทนสหกรณ์เจ้าหนี้บริษัทการบินไทย ผู้แทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้าร่วมรับฟังแนวทางปฏิบัติ โดยมีผู้แทนจากกรมบังคับคดี มาให้คำแนะนำในด้านกฎหมาย
ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่าตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยนัดไต่สวนและพิจารณาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการวันที่ 17 สิงหาคม 2563 ในการนี้หากคำสั่งศาลให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผน จะมีกระบวนการในการจัดทำแผนฯ การจัดกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อกำหนดวิธีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แต่ละกลุ่ม ในส่วนของสหกรณ์ที่มาร่วมประชุมเป็นการทำความเข้าใจกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น เพื่อให้ทราบแนวทางในการชำระหนี้ โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมบังคับคดี มาชี้แจงแนวทางในการฟื้นฟูกิจการและการปฏิบัติของเจ้าหนี้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้แทนสหกรณ์เจ้าหนี้สามารถที่จะซักถาม ประเด็นข้อสงสัยต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย ที่มาให้ความรู้ เพื่อจะได้ถือปฏิบัติ ให้ถูกต้องและสามารถถ่ายทอดหรือชี้แจงกับสมาชิกได้เข้าใจในทิศทางเดียวกัน สำหรับในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความยินดีที่จะรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะเพื่อกำหนดแนวทางให้สหกรณ์เจ้าหนี้สามารถดำเนินกิจการ โดยจุดประสงค์ของกฎหมายฟื้นฟูกิจการนั้น เพื่อรักษามูลค่าขององค์กรธุรกิจนั้นทั้งหมดไว้ เป็นหนึ่งเดียวแทนที่จะถูกแยกจำหน่ายเป็นส่วนๆ อีกทั้งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อย่างยุติธรรมเสมอภาคกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้หุ้น เจ้าหนี้แรงงาน เจ้าหนี้การค้าและเพื่อให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสดำเนินธุรกิจต่อไปและรักษาสภาพการจ้างงานไว้ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสถานะการล้มละลาย ดังนั้นในขณะนี้จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจดังกล่าวต่อเจ้าหนี้และลูกหนี้ อย่างถูกต้องเพื่อบังเกิดผลดีกับสมาชิกและสร้างความมั่นคงต่อระบบสหกรณ์ ต่อไป ซึ่งรัฐมนตรีช่วยมนัญญา ยังย้ำด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงและไม่ต้องการให้กระทบสมาชิก ยืนยันว่า เงินกว่า 40,000 ล้าน จะไม่หายไปและมีแผนรองรับผลกระทบเมื่อไปสู่แผนฟื้นฟูของศาลล้มละลาย สำหรับในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งเป็นนายทะเบียน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ บอกว่า ได้เตรียมแผนรองรับไว้เป็นรายสหกรณ์ แต่ต้องดูว่าภายหลังการบินไทยเข้าแผนฟื้นฟูแล้ว จะมีแนวทางชำระหนี้อย่างไร ถ้าสามารถชำระหนี้ได้ ก็จะมีการกำหนดระยะเวลาที่กำหนดชำระหนี้คืนในรอบบัญชีหน้า แต่ถ้าชำระหนี้ไม่ได้ ก็ต้องตั้งเกณฑ์สำรองหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งสหกรณ์แต่ละแห่งรู้หลักเกณฑ์อยู่แล้วโดยกรมฯ จะมีแผนรองรับเป็นรายสหกรณ์ที่จะเข้าไปช่วยเหลือในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์...ความคืบหน้าครั้งนี้ อย่างน้อยก็พอสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ได้ระดับหนึ่ง ว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในขบวนการสหกรณ์ไม่ได้ทอดทิ้งและเตรียมแผนรองรับอยู่ ส่วนแผนฟื้นฟูกิจการจะเป็นแนวทางไหน และจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไรนั้น ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป ขุนเกษตรา จะนำมารายงานอีกครั้ง
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี