ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มทำเกษตรแปลงใหญ่ ปัจจุบันมีจำนวนแปลงใหญ่ 6,877 แปลง เกษตรกรเข้าร่วมกว่า 407,493 ครัวเรือนพื้นที่ 6,585,336 ไร่ สินค้าเกษตรประมาณ 90 รายการ เน้นบริหารจัดการกลุ่มและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด มีการเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตกับตลาด ตามนโยบาย“การตลาดนำการเกษตร” จากการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา ประกอบกับนโยบาย “ตลาดนำการเกษตร”มอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนความร่วมมือเชื่อมโยงการทำงานด้านผลิตและการตลาดกับภาคเอกชน ได้วางแผนดำเนินการร่วมกัน ทั้งแผนระยะเร่งด่วน (Quick win) แผนความร่วมมือต่อเนื่อง
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาเกษตรกรแปลงใหญ่ให้ผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือด้านการตลาด เพื่อให้เกษตรกรผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของตลาด ให้เกษตรกรมีทางเลือกในช่องทางจำหน่ายผลผลิต ผ่านสาขาของแม็คโครมากกว่า 130 สาขาทั่วประเทศ ปัจจุบันแม็คโครทดลองซื้อผลผลิตเผือกหอมจากกลุ่มเกษตรกรของแปลงใหญ่เผือกต.หรเทพ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ส่งเข้าศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าปริมาณ 5,000 กิโลกรัม โดยเริ่มส่งผลผลิตตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีแผนความร่วมมือต่อเนื่อง เริ่มจากจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ จากนั้นขยายผลต่อไปจังหวัดอื่น ซึ่งร่วมมือกันส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรกลุ่มผู้ผลิตให้เน้นผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ได้มาตรฐานตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกัน
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เป็นตลาดค้าส่งสมัยใหม่ มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ภัตตาคารและโรงแรมต้องการผลผลิตการเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยแม็คโครรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วไป แต่เนื่องจากปริมาณความต้องการรับซื้อขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด ทำให้แม็คโครต้องการรับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ สามารถผลิตสินค้าได้ในมาตรฐานและปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ และมีคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า
ด้านนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับภาคเกษตรอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่เปราะบางด้านการระบายผลผลิต ที่กว่าครึ่งอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว มีผลผลิตพร้อมขาย แต่ด้วยระบบขนส่งและโลจิสติกส์ที่ชะงักงันช่วงภาวะโควิด-19 ผลผลิตระบายไม่ทัน แม็คโครจึงร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาและส่งเสริมกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตร โดยใช้กลยุทธ์ตลาดนำการเกษตร สนับสนุนการกระจายสินค้าผ่านสาขาของแม็คโคร สู่ผู้ประกอบการร้านอาหาร พร้อมยกระดับคุณภาพให้ผลผลิตสม่ำเสมอขายได้ราคา
สิ่งที่แม็คโครช่วยได้มากคือ เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ ซึ่งซื้ออย่างสม่ำเสมอในปริมาณมากเพื่อนำไปประกอบธุรกิจ สร้างโอกาสขายผลผลิตให้เกษตรกรได้มากกว่า โดยเผือกหอมจากกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ตำบลหรเทพ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นสินค้าจากกลุ่มเกษตรกรกลุ่มแรกที่แม็คโครรับซื้อผ่านความร่วมมือดังกล่าว (ลอตแรก 5,000 กิโลกรัม) สร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาได้ทันท่วงที แม็คโครและกรมส่งเสริมการเกษตรวางกรอบความร่วมมือระยะยาวให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาและส่งเสริมการตลาดอย่างยั่งยืนให้สินค้าเกษตรอื่นด้วยในลำดับต่อไป ซึ่งแต่ละปีแม็คโครรับซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมาก โดยเฉพาะผักผลไม้รับซื้อในปี 2562 เป็นปริมาณมากกว่า 170,000 ตัน คาดว่าปี 2563 จะรับซื้อผักผลไม้ได้ในปริมาณมากกว่า 200,000 ตัน จำนวนนี้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อย กลุ่มสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน 16 กลุ่มทั่วประเทศ และมีสมาชิกเกษตรกรมากกว่า 7,700 ครัวเรือน
“หน้าที่ของแม็คโครคือ สรรหาวัตถุดิบคุณภาพมาตรฐานปลอดภัยส่งต่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเมื่อเกิดการเชื่อมโยงครั้งนี้ทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะช่วงที่เกษตรกรประสบความยากลำบาก เราสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที และยังพัฒนาต่อยอดได้ในระยะยาว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งความมั่นคงในชีวิตและรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน”นางศิริพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี