หากจะเปรียบสถานการณ์วิกฤติการระบาดของ โควิด-19 กับร่างกายของคนทุกคน คงจะพูดได้ว่า มันเหมือนกับ เส้นเลือดในร่างกายเกิดอาการอุดตัน ไม่สามารถส่งผ่านเลือดเข้าสู่หัวใจได้สะดวก ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขวันหนึ่งเลือดก็อุดตันจะไม่สามารถส่งผ่านเข้าสู่หัวใจได้ และนั่นคือ การเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน วิธีการแก้ไข ที่ดีที่สุดมีอยู่สองทางคือ ทำบอลลูน หรือไม่ก็ผ่าตัดทำบายพาส เปลี่ยนเส้นเลือดใหม่เลย
เมื่อมาถึงวันนี้ อาการหัวใจวายเกิดขึ้นแล้วกับคนหลายคน และ อาการหายใจไม่สะดวกก็เกิดขึ้นกับคนทุกคน ภาครัฐจึงต้องทุ่มเทการทำงานทุกอย่างเพื่อแก้ไขวิกฤติในครั้งนี้ ก่อนที่คนทั้งประเทศจะหัวใจวายตายกันไปหมด
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการทุ่มเงินงบประมาณครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อรองรับในการฟื้นฟูประเทศ ภายหลังที่โควิด-19 จบสิ้นลงไป
กระทรวงวัฒนธรรม เป็นหนึ่งในหลายๆ กระทรวง ที่ได้รับเงินงบประมาณมา 7 พันกว่าล้าน เพื่อกระตุ้นเส้นเลือดที่กำลังอุดตันในด้านงานวัฒนธรรม
อิทธิพล คุณปลื้ม
โดย คุณอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ได้เปิดเผยให้ทราบว่า “กระทรวงวัฒนธรรม จะใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหา
อันเกิดจากวิกฤติโควิด-19 ด้วยการเพิ่มศักยภาพการค้า การผลิต และการบริการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ให้กลับคืนมา อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และงานวัฒนธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและชุมชน เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้กลับมาดังเดิม”
สำหรับรายละเอียดในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมหลังโควิด-19ของกระทรวงวัฒนธรรมที่จะทำจะดำเนินการไปตามแผนงานของรัฐบาล ที่ประกอบด้วย 2 ลักษณะคือ ทำใหญ่ระดับประเทศ และทำเล็ก ระดับชุมชนภายในประเทศ
ลักษณะที่ทำใหญ่ระดับประเทศ เป็นการฟื้นฟู ตามโครงการแผน 3.1 คือ โครงการลงทุนและจัดกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มศักยภาพ และยกระดับการค้าการผลิต และการบริการ ในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยครอบคลุมภาคการเกษตรอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุนท่องเที่ยวและบริการมีจำนวน9 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเปิดพื้นที่อุทยานวัฒนธรรม ส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก2.โครงการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทย 3.โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 4.โครงการพัฒนาอัตลักษณ์เมืองวัฒนธรรมต้นแบบเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน 5. โครงการส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย(Cultural Product Of Thailand:CPOT) สู่สากล 6.โครงการมาตรฐาน “สำรับไทย” จากภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสู่ครัวโลก 7.โครงการรณรงค์ส่งเสริมความภูมิใจในความเป็นไทยและพัฒนาทักษะวิถีชีวิตใหม่(New Normal) 8.โครงการมหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก :Humanity United As One Themeและ 9.โครงการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนด้วย“บวรวัฒนธรรม Model” ทั้ง 9โครงการนี้เรียกว่า ตีกลองไพรีพินาศให้ดังไปทั่วโลกละว่างั้นเถิด
ส่วนทำเล็ก ระดับชุมชนภายในประเทศ คือ โครงการในแผน 3.2 ของรัฐบาล เรียกว่า แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ด้วยการดำเนินโครงการ/กิจกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ อันเป็นการส่งเสริมตลาดสำหรับผลิต และผลิตภัณฑ์ของธุรกิจชุมชนที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว หรือภาคบริการอื่นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน การจัดหาปัจจัยการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน รวมไปถึงการสร้างการเข้าถึงช่องทางการตลาดพร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และมูลค่าเพิ่มของสินค้า และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน โดยมีกรอบการดำเนินงาน6 ด้าน ภายใต้การบริหารของหน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกระทรวงวัฒนธรรม ได้แก่ 1.แผนงานพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 2.แผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยมิติทางวัฒนธรรม 3.แผนงานพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม 4.แผนงานส่งเสริมเทศกาล ประเพณีและกิจกรรมทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 5.แผนงานส่งเสริมความภูมิใจในความเป็นไทยและพัฒนาทักษะวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) และ 6.แผนงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม โครงการชุดเล็กแบบนี้แน่นอนว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะต้องคำนึงถึง คนและชุมชน เป็นหัวใจสำคัญ ไม่ต้องวอกแวกให้ดังไปไกลถึงต่างประเทศ ไม่ต้องไปมองคนอื่น จงทำของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเพราะฉะนั้นจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าความสามัคคีจะเป็นพลังที่สำคัญที่สุด
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงงานของกระทรวงวัฒนธรรมเพียงกระทรวงเดียว ยังมีกระทรวงอื่นๆ อีกที่ต้องทำเช่นเดียวกัน และงานนี้คืองานที่จะพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศ และคนทั้งโลกได้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีศักยภาพแค่ไหนในการบริหารประเทศ อีกไม่นานเกินรอ ทุกคนคงจะได้เห็นกันจะจะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี