18 มิ.ย. 2563 กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก สำนักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยแพร่ผลสำรวจพฤติกรรมป้องกันตนเองของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสอบถามความคิดเห็นประชาชนกลุ่มตัวอย่างจำนวน 15,866 คน ระหว่างวันที่ 29 พ.ค.- 4 มิ.ย. 2563 พบว่า
1.หากเทียบกับการสำรวจ 2 ครั้งก่อนหน้า (15-21 พ.ค. และ 22-28 พ.ค. 2563) พบว่า ในภาพรวมประชาชนให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองมากขึ้น โดยการสำรวจระหว่างวันที่ 29 พ.ค.- 4 มิ.ย. 2563 อยู่ที่ร้อยละ 75 ในจำนวนนี้ ประชาชนกลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก มากที่สุดถึงร้อยละ 91.5 รองลงมา ร้อยละ 83.9 ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ อันดับ 3 ร้อยละ 83.7 รับประทานอาหารร้อนและใช้ช้อนกลางของตนเอง อันดับ 4 ร้อยละ 66 เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร และอันดับ 5 ร้อยละ 58.8 ระวังไม่ใช้มือจับใบหน้าของตนเอง
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมป้องกันตนเองที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน กับเดือน เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 69.6 ปฏิบัติเหมือนเดิม และมีอีกร้อยละ 16 ที่ปฏิบัติมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พบว่าในส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมป้องกันตัวเองน้อยลงอีกร้อยละ 14.4 นั้น กว่าครึ่งหรือร้อยละ 52.7 ของจำนวนดังกล่าวให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความกังวลว่าจะติดเชื้อลดลงแล้ว และอีกร้อยละ 46.9 ตอบว่าเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีอีกร้อยละ 33.6 ที่ให้เหตุผลว่าลืมที่จะปฏิบัติ
2.การทำงานและการซื้อสิ่งของอุปโภค-บริโภคในชีวิตประจำวันเป็นสาเหตุหลักในการออกจากบ้าน โดยคำถามที่ว่า “สัปดาห์ที่ผ่านมาคนไทยไหนกันบ้าง” 3 อันดับแรกนั้นใกล้เคียงกัน อันดับ 1 ร้อยละ 66.2 ไปที่ทำงาน รองลงมา ร้อยละ 64.3 ไปซูเปอร์มาร์เก็ต และอันดับ 3 ร้อยละ 61 ไปตลาดสด เช่นเดียวกับคำถามที่ว่า “สัปดาห์ที่ผ่านมาออกนอกจังหวัดหรือไม่” โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 25.3 ที่ระบุว่าเดินทางออกนอกจังหวัด ให้เหตุผล 3 อันดับแรกคือ อันดับ 1 ร้อยละ 44 ไปทำงาน อันดับ 2 ร้อยละ 29.3 ไปธุระจำเป็น อันดับ 3 ร้อยละ 27.7 ไปเยี่ยมญาติหรือเพื่อน
3.เมื่อถามถึงตัวอย่างสถานที่ เช่น ที่ทำงาน ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสด ร้านอาหารที่นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ศาสนสถาน ฟิตเนสหรือโรงยิม และสวนสาธารณะ พบว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นสถานที่ที่มีมาตรการลดความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในความเห็นของกลุ่มตัวอย่าง โดยมี 2 ข้อที่อยู่ในเกณฑ์สูง (ร้อยละ 80 ขึ้นไป) คือวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ ร้อยละ 91.7 กับจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 80.2 และ 1 ข้อในเกณฑ์ปานกลาง (ร้อยละ 50-79) คือพนักงานสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก ร้อยละ 50.9
ทั้งนี้ในภาพรวม มีเพียง 2 มาตรการเท่านั้นที่สถานที่ต่างๆ ข้างต้นทำได้ในเกณฑ์สูงหรือปานกลาง คือการวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ กับการจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ส่วนที่เหลือประกอบด้วยการจัดระยะห่างระหว่างบุคคล การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส ผู้ให้บริการสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก และผู้ใช้บริการสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก นอกจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว สถานที่อื่นๆ มีการปฏิบัติอยู่ในเกณฑ์ต่ำ (น้อยกว่าร้อยละ 50) ทั้งสิ้น
4.กิจการ 3 อันดับแรกที่กลุ่มตัวอย่างเห็นว่ายังไม่ควรเปิดในเดือน มิ.ย. 2563 ประกอบด้วย อันดับ 1 ร้อยละ 61.8 สนามมวย-สนามพระเครื่อง รองลงมา ร้อยละ 61.2 สถานบันเทิงประเภทผับ บาร์ คาราโอเกะ และอันดับ 3 ร้อยละ 58.3 สวนน้ำ-สวนสนุก ส่วนกิจกรรม 3 อันดับแรกที่กลุ่มตัวอย่างเห็นว่ายังไม่ควรให้จัดในเดือน มิ.ย. 2563 ประกอบด้วย อันดับ 1 ร้อยละ 65.1 กิจกรรมส่งเสริมการขายหรืองานแสดงสินค้า รองลงมา ร้อยละ 56.1 การแข่งขันกีฬาประเภททีมที่มีมากกว่า 3 คนและมีผู้ชม และอันดับ 3 ร้อยละ 53.8 กีฬาทางน้ำประเภทต่างๆ
5.ในคำถามที่ว่า “การเดินทางระหว่างประเทศควรกลับมาดำเนินการได้เมื่อใด” ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 11,302 คน ที่ตอบคำถามนี้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 51 ระบุว่า ควรเป็นเดือน ต.ค. 2563 เป็นต้นไป รองลงมา ร้อยละ 20.8 ระบุว่า เดือน ก.ค. 2563 และอันดับ 3 ร้อยละ 12.1 ระบุว่า เดือน ส.ค. 2563 6..คำถามที่ว่า “โควิด-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของคนไทยในด้านใดบ้าง” พบว่า 3 อันดับแรกที่กลุ่มตัวอย่างเลือกตอบ อันดับ 1 ร้อยละ 79 ด้านสุขอนามัย อันดับ 2 ร้อยละ 62.5 ด้านการบริโภคอาหาร และอันดับ 3 ร้อยละ 62 ด้านการเดินทาง
และ 7.มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น ที่ยังใช้ชีวิตเหมือนช่วงก่อนจะมีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.1 ทำพฤติกรรมป้องกันตนเอง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น รวมถึงหลีกเลี่ยงการพบปะเพื่อนฝูงหรือญาติ รองลงมา ร้อยละ 35.8 ทำพฤติกรรมป้องกันตนเอง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น แต่ยังไม่ถึงขั้นหลีกเลี่ยงการพบปะเพื่อนฝูงหรือญาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี