บรรทัดฐาน หรือ Norm ของการทำงานของคนญี่ปุ่นประการต่อมา คือ “การกำหนดท่าทีที่ชัดเจนและร่วมผลักดันทุกฝ่ายเป็นทีม”อันนี้น่าทึ่งมาก ที่ว่าน่าทึ่งคงมิใช่เป็นเพราะรูปแบบและวิธีทำงานดังกล่าวเป็นสิ่งพิเศษแปลกใหม่ วิลิศมาหราแต่ประการใดหรอกครับ เพราะในการศึกษาฝึกอบรมเกี่ยวกับการเทคนิคการบริหารงาน หรือแม้แต่พ็อกเกตบุ๊คเกี่ยวกับ how to ด้านการบริหารองค์กรทั้งหลายก็มีกล่าวไว้เยอะแยะมากมาย ท่านผู้อ่านคงประสบพบเจอมาจนเบื่อ แต่ที่ผมยกมาพูดมันเกี่ยวกับ “การเอาจริงเอาจัง” ของการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวของคนญี่ปุ่นมากกว่าครับ
อันดับแรกที่ผมขอพูดถึง คือ ที่มาของการกำหนด “ท่าที” ของญี่ปุ่นนั้นเขายึดถือระบบชั้นการบังคับบัญชา หรือHierarchical system อย่างเคร่งครัด กล่าวคือระดับนโยบาย คือ ตัวกระทรวงส่วนกลาง จะเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดท่าทีต่อกรณีใดๆ ที่จะมีขึ้น ซึ่งแน่ละว่ากรณีดังกล่าวหากมีส่วนเกี่ยวพันกับกระทรวงใดก็ตาม ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบและร่วมมือเป็นทีมจากกระทรวงนั้นๆ ด้วย ตัวอย่างเรื่องหนึ่งที่ผมขออนุญาตยกมาประกอบการอธิบายเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมเสริมในประเด็นนี้ ก็คือ การทำงานที่เกี่ยวกับแอ็ปเตอร์ ได้แก่การแก้ไข APTERR Agreement ครั้งที่ผ่านมา จากการที่ผมเป็นผู้บริหารของฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์ ได้ทราบจากการประสานภายในว่าทางการญี่ปุ่นได้มีท่าทีชัดเจนสำหรับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง อาศัยผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นประจำแอปเตอร์เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งท่าทีดังกล่าวกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงของญี่ปุ่นได้หารือกำหนดขึ้นโดยการประสานงานและเห็นร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศของเขาแล้ว ทุกฝ่ายที่ทำงานในลำดับชั้นต่ำลงมาต้องปฏิบัติตาม ไม่มีแม้กระทั่งความเห็นใดๆ ที่ส่อถึงความไม่เห็นด้วยหรือโต้แย้งจากปากของเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นผู้ปฏิบัติเลยสักแอะเดียว
แล้วทีมงานที่ว่าล่ะ เป็นอย่างไรท่านผู้อ่านครับ รัฐบาลญี่ปุ่นโดยปกติจะส่งผู้แทนกระทรวงเกษตรฯ ไปประจำอยู่ในทุกองค์กรหรือทุกประเทศที่เกี่ยวข้องตเช่น ที่แอปเตอร์ก็ส่งมา 1 คน ที่แอปซิสหรือ ASEAN Food Security InformationSystem (AFSIS) ก็ส่งมาประจำ 1 คน ทราบว่าที่กรมประมงเรามี SEAFDEC ก็ส่งมาอยู่หลายคน ที่สำนักเลขาธิการอาเซียน จาการ์ตาก็ส่งไปหลายคน แล้วก็ตามสถานทูตญี่ปุ่นก็มีประจำอยู่แห่งละ 1 คน ในอดีตที่กระทรวงเกษตรฯ เราก็มีส่งมาประจำอยู่ 1 คน ทุกคนที่ประจำอยู่ในที่ต่างๆ นี้ ต้องทราบชัดเจนถึง “ท่าที”ที่กำหนดโดยรัฐบาลหรือกระทรวงเกษตรฯ ของเขาว่าคืออะไร และที่สำคัญคือ ต้องมีหน้าที่ติดต่อประสาน อธิบาย ผลักดัน ล็อบบี้ หรือใช้วิถีทางอื่นๆ เพื่อให้ท่าทีนั้นบรรลุผล คนที่อยู่แอปเตอร์ก็มาหาผมเพื่ออธิบายทุกอย่างให้ผมเข้าใจและคล้อยตาม คนที่อยู่จาการ์ตาก็เข้าพบผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อว่าอย่างเดียวกัน ผู้ที่ประจำสถานทูตประเทศสมาชิกก็เข้าพบบุคคลสำคัญของประเทศนั้นๆ เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน จนในที่สุด New APTERR Agreement ก็สำเร็จออกมาและค่อนข้างจะเป็นไปตาม “ท่าที” ของญี่ปุ่นเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ สุดยอดครับ!!!!!! แถมให้อีกนิดในเรื่องคล้ายๆ กัน เมื่อปีที่แล้วมีการประชุม AMAF Plus Three (ผมเคยเขียนอธิบายไปแล้วว่าคือการประชุมอะไร) ที่ประเทศบรูไน ดารุสซาลามทางฝ่ายเจ้าภาพ คือสำนักเลขาธิการอาเซียนที่จาการ์ตา ตอนแรกเห็นว่าสำนักเลขานุการแอปเตอร์ไม่มีระเบียบวาระในที่ประชุมโดยตรง เลยไม่ทำหนังสือเชิญมา แต่ทางประเทศญี่ปุ่นกลับเห็นต่าง คือ เห็นว่าสำนักเลขานุการแอปเตอร์ควรเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะยังคงมีเรื่องเกี่ยวกับการให้สัตยาบันความตกลงแอปเตอร์ที่แก้ไขใหม่ เขาเลยแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นที่อยู่กับผม ร่วมกับผู้แทนญี่ปุ่นที่ประจำอยู่สำนักเลขาธิการอาเซียนที่จาการ์ตาเข้าพบอธิบายและโน้มน้าวจนในที่สุดสำนักเลขาธิการอาเซียน ต้องส่งหนังสือเชิญเป็นทางการให้แอปเตอร์เข้าร่วมประชุมจนได้โดยที่ทางผมเองไม่ได้ออกแรงอะไรเลยสักนิดยังกังวลนิดหน่อยด้วยซ้ำเดี๋ยวทางสำนักเลขาธิการอาเซียนจะกล่าวหาว่า ผมอยากไปมากและขอให้ญี่ปุ่นช่วย
วิถีทางการทำงานของญี่ปุ่นที่เล่ามานี้ขอกระซิบข้างหูท่านผู้อ่านและขอย้ำว่าท่านกรุณาอย่าไปบอกใครนะครับว่า ผมไม่เห็นประเทศสมาชิกอื่นๆ ทำแบบเดียวกันเลย แต่สำหรับทางการไทยเราระยะสิบกว่าปีมานี้ก็กระตือรือร้นที่จะทำแบบเดียวกัน โดยมีการกำหนดคำว่า Team Thailand ในการทำงานระดับระหว่างชาติ ซึ่งผมก็แอบดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะน่าจะเป็น norm ที่สุดยอด แต่ผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสติดตามว่าเราได้ทำไปสำเร็จไปแค่ไหนแล้ว แต่เท่าที่เห็นจากการทำงานระดับภายในประเทศ พบตัวอย่างว่า กระทรวงเกษตรฯร่วมกันทำงานอย่างแข็งขันแนบแน่นกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องสินค้าเกษตรส่งออก ก็ทำให้รู้สึกชื่นอกชื่นใจ จนบังเกิดฝันว่า เราคงจะตามระบบของญี่ปุ่นไปติดๆ ละครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี