ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลงานยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 109 เครือข่าย ยอดเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 10,120 ล้านบาท ฟอกเงินในรูปแบบสินค้าเกษตรกรรม ผลไม้ น้ำมัน ทองคำ เนื้อวัว ควาย เตือนรับจ้างเปิดบัญชี มีความผิดร่วมฟอกเงิน เข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
25 มิถุนายน 2563 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภ.5) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรัตม์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ , พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต , พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี , พล.ต.ต.อดุลย์ ดรุณเพท รอง ผบช.ภ.5 ร่วมกับ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 , สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 โดยนายมานิต โกเมศ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 } สำนักงาน ปปง. โดยนายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการส่วน ปก.3 คด.3 ปปง. , สำนักงานสรรพากรพื้นที่เชียงใหม่ 1 โดยนายจีระยุทธ เหล่มประวัติ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายกลุ่มขบวนการยาเสพติดรายสำคัญ 109 เครือข่าย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ได้ทำการตรวจยึดยาบ้า 9.4 ล้านเม็ด พร้อมตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ ของนายสุนทร ได้ในรถยนต์ของกลางในเขตพื้นที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายสุนทร ที่ทำหน้าที่ขับรถลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 112/2562 ซี่งอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดดังกล่าว พบว่า มีการรับโอนเงินจากกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางจำนวนหลายครั้ง นอกจากจะมีการโอนเงินค่ายาเสพติดแล้วยังได้โอนเงินให้กับกลุ่มบุคคลสัญชาติเมียนมาที่น่าสนใจ จำนวน 2 บัญชี ซึ่งทำการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการรับโอนเงินจากบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งที่ถูกจับกุมและยังไม่ถูกจับกุม จากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 130 ล้านบาท
พฤติการณ์ คือ มีลักษณะการทำธุรกรรมการเงินในการรับโอนเงินจากกลุ่มบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากนั้นจะโอนเงินออกไปให้ยังกลุ่มผู้ประกอบการค้าขายสินค้าต่างๆทั่วประเทศ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 จึงได้ซักถามผู้ประกอบการต่างๆ จนทราบว่า มีนักธุรกิจชาวจีนชื่อนายช้าง เป็นคนโอนเงินชำระค่าสินค้า และ ยังใช้บัญชีอื่นๆอีกรวมจำนวน 49 บัญชี ในการโอนเงินมาชำระค่าสินค้า
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 จึงได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้ง 49 บัญชี พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 10,120,000,000 ล้านบาท โดยตรวจสอบพบว่าผู้เปิดใช้บัญชีมีทั้งคนไทย, จีน และคนสัญชาติเมียนมา และมีบัญชี ที่รับโอนเงินมาจากผู้มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากนั้นโอนเงินออกไปยังผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศไทยและจีน เป็นค่าชำระสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งโอนเงินไปยังบริษัทค้าทองคำ, บริษัทค้าน้ำมัน, บริษัทส่งออกผลไม้ อาหารทะเล, ผู้ประกอบการส่งออกปศุสัตว์ เช่นวัว และควาย
จากการนำข้อมูลเส้นทางการเงินในจำนวน 49 บัญชี มาตรวจสอบกับฐานข้อมูลการจับกุม ยาเสพติดเดิม พบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดที่เคยสืบสวนจับกุมแล้ว เข้ามาเกี่ยวข้องกับการรับ-โอนเงิน จำนวน 8 บัญชี เช่น เครือข่ายมันทุกเม็ดของ ภาค 6 และ ภาค 5 , เครือข่ายไอซ์ 500 กิโลกรัม ของ น.ส.จุ๋ม อดีตนางแบบแนวปลุกใจเสือป่า , เครือข่ายพระแสงวรรณ เจ้าอาวาสวัดในประเทศเมียนมา , เครือข่าย “เจ๊แหม่ม” ตรัง เป็นต้น นอกจากนี้จากการตรวจสอบบัญชีโดยละเอียดพบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจำนวนมาก ทั้งที่เคยถูกจับกุมแล้ว และยังไม่ถูกจับกุม ได้โอนเงินเข้ามาใน 8 บัญชีนี้ ในจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนทั้งหมด 109 คน ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดยาเสพติด ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด" ต่อมาในห้วงระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้บูรณาการร่วมกับ ป.ป.ง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งหมด โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ จำนวน 61 ราย, อายัดตัวผู้ต้องหาในเรือนจำ จำนวน 13 ราย และตรวจค้นไม่พบตัว / หลบหนี จำนวน 35 ราย พร้อมตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนนายช้าง นักธุรกิจชาวจีน ผู้ต้องหา ซึ่งให้การรับว่าได้โอนเงินชำระค่าสินค้าเครื่องในหมู,เนื้อไก่จริง โดยจะให้ลูกค้าที่ประเทศจีนโอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีเครือข่ายนายช้างในประเทศจีน ส่วนนายช้าง จะใช้บัญชีต่างๆในประเทศไทย หรือบัญชียาเสพติด-โพยก๊วน เป็นผู้โอนชำระค่าสินค้าให้กับกลุ่มผู้ประกอบการต่าง ๆ
นอกจากนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดที่จับกุมได้นั้น สามารถแยกบัญชี ที่ใช้โอนเงินในเครือข่ายนี้ได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ คือ บัญชีของผู้ค้ายาเสพติดโดยตรง เช่น บัญชีผู้ต้องหา 13 ราย (ถูกจับกุมในคดียาเสพติดก่อนหน้านี้) บัญชีของคนใกล้ชิดที่เปิดให้ผู้ค้ายาเสพติด เช่น สามี-ภรรยา,พ่อ-แม่,พี่-น้อง,ญาติ,เพื่อนสนิท เป็นต้น บัญชีของบุคคลที่รับจ้างเปิดบัญชีโดยจะได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงกัน โดยแบ่งการรับจ้างเปิดเป็น 2 ลักษณะดังนี้ มีคนรู้จักชักชวนให้รับจ้างเปิดบัญชี เช่น คนในหมู่บ้าน, ที่ทำงาน เป็นต้น รับจ้างเปิดจากการประกาศโฆษณาผ่านเว็ป , facebook หรือ สื่อโซเชียล ต่าง ๆ เปิดบัญชีให้กับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักนำไปใช้ กรณีนี้ผู้ต้องหาน่าจะปกปิดข้อเท็จจริง
จากพยานหลักฐานสามารถสรุปรูปแบบดำเนินการ“ฟอกเงิน” ของขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทย ได้ดังนี้คือ 1. มีการว่าจ้างให้บุคคลรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้ขบวนการนำไปใช้ (บัญชีนอมินี) ซึ่งผู้รับจ้างเปิดบัญชีมีทั้งคนไทย และคนต่างชาติ บัญชีธนาคารส่วนหนึ่งถูกนำไปใช้ที่โต๊ะแลกเปลี่ยนเงิน ตามแนวชายแดน (การชื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศผิดกฎหมาย) ขบวนการค้ายาเสพติด
เมื่อลักลอบนำเข้าและกระจายจำหน่ายยาเสพติดแล้ว ผู้ค้ายาเสพติดทั้งรายย่อย, รายกลาง จะชำระเงินค่ายาเสพติด โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร (บัญชีนอมินี) ที่โต๊ะแลกเปลี่ยนเงินตราตามแนวชายแดนนำไปใช้ ตามข้อ 1 เจ้าของยาเสพติด เมื่อต้องการรับชำระเงินค่ายาเสพติด จะให้บุคคลในเครือข่าย สั่งการให้โต๊ะแลกเปลี่ยนเงินตามแนวชายแดน ดำเนินการโอนเงินที่มีที่มาจากการค้ายาเสพติด ไปยังบัญชีธนาคารผู้ประกอบธุรกิจการค้าระหว่าง ประเทศไทย, จีน, เมียนมา และกัมพูชา เช่น บริษัทค้าทองคำ, บริษัทค้าน้ำมัน , บริษัทส่งออกผลไม้ เนื้อสัตว์และอาหารทะเล, ผู้ประกอบการส่งออกปศุสัตว์ เป็นค่าชื้อสินค้า เมื่อแลกเปลี่ยนเป็นสินค้า แล้วจะนำสินค้า เช่น ทองคำ, น้ำมัน, ผลไม้, เนื้อสัตว์ ไปจำหน่ายต่อ เมื่อได้เงินค่าสินค้าแล้ว จะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกลุ่มขบวนการ “ฟอกเงิน” เป็นเงินค่าสินค้าถูกต้องตามกฎหมาย
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ฝากเตือนไปยังประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่รับจ้างเปิดบัญชี ให้กับบุคคลอื่น คือ เตือนภัย “เปิดปุ๊บ ติดปั๊บ” การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร หรือยอมให้ผู้อื่นเอาบัญชีไปใช้ มีโทษทางกฎหมาย หากบัญชีถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในทางทุจริต อาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำผิดอาญา หรือกระบวนการฟอกเงิน หรือการฉ้อโกงบุคคลอื่นๆได้ ดังนั้น จึงไม่ควรเปิดบัญชีธนาคารให้กับบุคคลทั้งที่รู้จักหรือไม่รู้จักนำไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินโดยเด็ดขาด แต่สำหรับผู้ที่เคยเปิดบัญชีให้ผู้อื่น แนะนำรีบปิดบัญชีโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่ามิจฉาชีพนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำการทุจริต และจะได้ไม่เดือดร้อนในภายหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี