‘กรวัชร์’ฟิต!ลุยพบ‘มึนอ’ ยันไม่ทิ้ง‘คดีบิลลี่’ เตรียมพิจารณาความเห็นแย้งอัยการ
25 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 โดยเป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ทางคดีมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นและส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นความเห็นแย้งนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 2563 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่ ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจนางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยาของนายพอละจี ที่บ้านพักในตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาพบ “มึนอ” เพราะต้องการมาแจ้งความคืบหน้าของคดีให้ทราบว่าเมื่อตนเองกลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะกลับไปติดตามคดีนายบิลลี่หายอีกครั้ง โดยจะย้อนไปดูเรื่องรายละเอียดที่อัยการมีความเห็นแย้ง เพื่อพิจารณาว่าจะแย้งความเห็นพนักงานอัยการหรือไม่ นอกจากนี้ “มึนอ” เป็นพยานที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ จึงเข้ามาเยี่ยมเยียน เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนกรณีตัวของผู้เสียหายคือ “มึนอ” และญาติอาจดำเนินการฟ้องเองตามกฎหมายเป็นสิทธิ์ส่วนตัว ตนไม่สามารถจะชี้นำได้
“สิ่งที่ DSI ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการ ถือว่าการดำเนินการสอบสวนของ DSI สิ้นสุดลง เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องบางข้อหา DSI สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ 2 ช่องทาง คือ แย้งความเห็นของพนักงานอัยการ และเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาตัดสิน หรือไม่แย้งความเห็นพนักงานอัยการซึ่งหากไม่แย้งความเห็น ก็จะเหลือเพียงข้อหาเดียวที่อัยการสั่งฟ้อง คือ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หรือ 157 เท่านั้น ทั้งนี้การพิจารณาแย้งหรือไม่แย้งนั้นขณะนี้ผมเพิ่งมารับตำแหน่ง ขอเวลาตรวจสอบ ดูรายละเอียดทั้งหมด เพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย” พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว
ด้าน นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” กล่าวว่า เดิมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะให้ความเป็นธรรมกับตนเองและครอบครัว แต่เมื่อถูกตัดสินออกมาเช่นนี้ ก็รู้สึกเสียใจ เริ่มไม่เชื่อมั่นและเริ่มรู้สึกว่าความยุติธรรมไม่มีจริง แต่ลึกๆ ก็ยังหวังว่าความยุติธรรมจะมีจริง และจะมอบความเป็นธรรมให้ตนและครอบครัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี