“ผบช.สตม.” นำแถลงทลายแก๊งลอบขนต่างด้าวเถื่อนเข้าเมืองขบวนการใหญ่แห่งภาคตะวันออก จ่อหมายจับ “เจ๊ต้อย วังน้ำเย็น” ตัวการใหญ่
29 มิถุนายน 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฺฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติ ราชการ สตม. , พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 , พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่ของภาคตะวันออก
รายแรก เจ้าหน้าที่จับกุมตัว 1.นายปราโมทย์ อายุ 54 ปี สัญชาติไทย 2.นายพจภิรุณ อายุ 25 ปี สัญชาติไทย และ 3.นายประดิษฐ อายุ 46 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 4 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต”
สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเพื่อเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งบุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวมีการลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปแล้ว และมีการลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้งตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนด่านถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยทราบว่าปัจจุบันมีการปิดด่านพรมแดนเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยครั้งนี้จะมีกลุ่มขบวนการดังกล่าวนำคนต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดนฝั่งตลาดบ้านแหลม ประเทศกัมพูชา เพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยการเดินทางครั้งนี้จะให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติในเวลาเช้ามืด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น จับกุม และจะนำรถยนต์ไปบรรทุกเพื่อขนถ่ายใส่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ลักลอบเดินทางเข้าเมืองชั้นใน โดยกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวจะถือหนังสือเดินทางเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่หากตรวจสอบ จึงเฝ้าวางกำลังสังเกตการณ์
ต่อมาพบผู้ถูกจับที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว เข้ามาจอดในที่เกิดเหตุ สังเกตภายในรถพบคนต่างด้าวจำนวน 4 ราย และผู้ถูกจับที่ 2 ได้ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำตาล ซึ่งมีผู้ถูกจับที่ 3 นั่งโดยสารมาด้วยเข้ามาจอดในที่เกิดเหตุใกล้กัน สังเกตภายในรถพบกระเป๋าสัมภาระของคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ทั้ง 4 ราย ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายต่อมา มีการจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 6 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต”
สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเพื่อเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายซึ่งพักอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลลักลอบเดินทางออกตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยใช้รถยนต์กระบะส่วนบุคคล 2 คัน จึงได้สะกดรอยติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คันจากพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบนายสุรศักดิ์ อายุ 26 ปี ขับขี่รถยนต์คันแรก บรรทุกสัมภาระและผู้โดยสารคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 5 ราย ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ 2 พยายามขับขี่รถยนต์ดังกล่าวพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้หลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตาม ต่อมาผู้ขับขี่ได้จอดให้ผู้โดยสารที่มากับรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลงจากรถทั้งหมดระหว่างทาง และได้ขับรถหลบหนี โดยได้ไปจอดรถยนต์ทิ้งไว้บริเวณหลังบ้านเรือนประชาชน หมู่บ้านหินกอง ต.ไทรทอง อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และผู้ขับขี่ได้วิ่งหลบหนีไป จากการตรวจสอบรถยนต์ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าวที่ถูกทิ้งระหว่างทาง สามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาได้อีก 1 ราย จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 3 เจ้าหน้าที่จับกุมนายสงกรานต์ อายุ 57 ปี และนายนพดล อายุ 58 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา “ซ่อนเร้น หรือ ช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และชาวกัมพูชา 13 ราย ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง รถกระบะดัดแปลง ยี่ห้อ นิสสัน สีเทา 1 คัน , รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เพื่อเดินทางต่อไปยัง จ.สมุทรปราการ จึงได้วางกำลังตามเส้นทาง จนกระทั่ง เวลา 05.30 น. พบรถยนต์ต้องสงสัยมีลักษณะตามที่สายข่าวแจ้ง จึงได้ทำการสะกดรอยติดตาม จนกระทั่งรถยนต์ทั้ง 2 คันเข้าไปในปั้มน้ำมันใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบนายสงกรานต์ อายุ 57 ปี และนายนพดล อายุ 58 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้โดยสารนั่งร่วมมาด้วย จำนวน 13 ราย เป็นคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จึงขอตรวจเอกสารการเดินทาง ปรากฏว่าชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่สามารถแสดงเอกสารการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ได้ เมื่อสอบถามทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเป็นคนต่างด้าวชาวกัมพูชาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อเดินทางไปทำงานใน จ.สมุทรปราการ มีค่าจ้างโดยสารคนละ 3,000 บาท
นอกจากนี้ คนไทยผู้นำพาทั้ง 2 ราย ยังได้ให้การซัดทอดถึง “เจ๊ต้อย วังน้ำเย็น” นายหน้าค้าคนต่างด้าวรายใหญ่ในพื้นที่ ว่าพวกตนได้รับการสั่งการให้ขับรถพาคนต่างด้าวผิดกฎหมายทั้งหมดไปส่งที่ จ.สมุทรปราการ โดย “เจ๊ต้อย” เป็นคนติดต่อหาแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง จัดหารถยนต์ และเป็นตัวกลางติดต่อนายจ้างคนไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ในส่วนผู้ถูกจับในคดีนี้ทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเย็น ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ประสานภาพ-ข้อมูล : พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม.ปรท.โฆษก สตม.และ พ.ต.อ.หญิง ทิพวรรณ โยมา ผกก.ฝอ.5(งานประชาสัมพันธ์) บก.อก.สตม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี