บอร์ดองค์การค้าฯอนุมัติจ่ายเยียวยาพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้า 1 แสน พร้อมเงินชดเชยและบำเหน็จ รวมรับรายละกว่า 5 แสน - 4 ล้าน
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายธนพร สมศรี รองเลขาธิการ สกสค.และโฆษก สกสค.ได้ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธารการประชุมฯ
โดย นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาองค์การค้าของ สกสค.โดยในวันนี้ที่ประชุมมีมติจ่ายเงินเยียวยาจากการเลิกจ้างเป็นพนักงานองค์การค้าของ สกสค.ทั้ง 961 คน จำนวนเงินคนละ 1 แสนบาท จึงขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าทั้ง 961 คน ไปติดต่อฝ่ายบุคคลขององค์การค้าฯ เพื่อเซ็นบันทึกการรับเงินเยียวยา ซึ่งหลังเซ็นบันทึกแล้วเงินก็จะถูกโอนเข้าบีญชีเงินเดือนทันที รวมเป็นเงินที่องค์การค้าต้องจ่ายทั้งสิ้น 96,100,000 บาท
"เป็นความห่วงใยของ รมว.ศึกษาธิการ ที่เห็นว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ถูกเลิกจ้างเดือดร้อน จะได้นำเงิน 1 แสนบาทนี้ ไปเตรียมความพร้อมในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรก่อน ซึ่งบอร์ดองค์การค้าฯมีมติเห็นชอบให้จ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้ตามที่กฏหมายแรงงานกำหนด โดยใช้เงื่อนไขอายุงานและเงินเดือนล่าสุดเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีอายุงานมากกว่า 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชยรวม 400 วัน หรือประมาณ 13 เดือน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีอายุงานต่ำกว่า 20 ปี จะได้รับเงินชดเชย 300 วัน หรือประมาณ 10 เดือน นอกจากนี้ ยังได้รับเงินบำเหน็จให้อีกคนละ 105 วัน (นับตั้งแต่ 1 ส.ค. - 13 พ.ย.) ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนได้รับเงินชดเชยและเงินบำเหน็จ รวมสูงถึง 4 ล้านบาท ส่วนผู้ที่รับต่ำสุดไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท ซึ่งการชดเชยครั้งนี้จะได้รับมากกว่าบริษัทเอกชนทั่วไปที่มีการเลิกจ้าง ทั้งนี้ เงินที่องค์การค้าฯ จะต้องจ่ายค่าเยียวยาและค่าชดเชย บำเหน็จ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,285 ล้านบาท" ปลัด ศธ.กล่าว
ปลัด ศธ.กล่าาวต่อว่า รมว.ศึกษาธิการ ได้พยายามดำเนินการทุกอย่างด้วยความเห็นใจ ไม่ได้เลิกจ้างช่วงโควิด-19 แต่การจะเลิกจ้างก่อนนั้นอาจจะกระทบกับการส่งหนังสือเรียน 35 ล้านเล่ม ให้กับโรงเรียนต่างๆ และเมื่อส่งหนังสือเสร็จสรุปงบบัญชีแล้วก็เห็นชัดเจนว่า องค์การค้าฯ ขาดทุนมากว่า 15 ปี มีหนี้รวม 6.7 พันล้านบาทแล้ว หากปล่อยให้องค์การค้าฯ ขาดทุนต่อไปตลอดอีก 3 - 5 ปี ก็จะเพิ่มเป็นหมื่นล้านบาท แต่ถ้าเราให้องค์การค้ายุติกิจกรรมวันนี้หนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท และหากปล่อยให้มีหนี้เพิ่มเป็นหมื่นล้านบาทจะไม่สามารถใช้หนี้ได้เลย ที่ผ่านมาบอร์ดองค์การค้าฯ จึงมีมติเลิกจ้าง และ รมว.ศึกษาธิการ ได้แต่งตั้ง นายอดุลย์ บุสสา เป็น ผอ.องค์การค้าฯ เข้าไปดูแล ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ของ ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ ที่จะต้องทำแผนฟื้นฟูมารายงานบอร์องค์การค้าฯ ภายใน 1 เดือน และในสัญญาจ้างกำหนดไว้ว่าภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี จะต้องมีการประเมิน ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ เพื่อจะฟื้นฟูองค์การค้าฯ ให้เป็นองค์กรที่จะผลิตหนังสือเรียนตั้งแต่ ป.1 - ม.6 และเป็นการผยุงราคา เพื่อไม่ให้หนังสือเรียนมีราคาแพงเกินไปจะกระทบกับผู้ปกครองที่จะซื้อหนังสือราคาแพง
ด้าน นายธนพร สมศรี รองเลขาธิการ สกสค.และโฆษก สกสค.กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อกังวลในการรับเงินของพนักงานและเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ ทั้ง 961 คน ว่า ในการรับเงิน 1 แสนบาท ซึ่งจะต้องไปเซ็นเอกสารบันทึกการรับเงินเยียวยาจากการเลิกจ้างเป็นพนักงานองค์การค้าของ สกสค.ที่ฝ่ายบุคคลขององค์การค้าฯ แล้วเงินก็จะโอนเข้าบัญชีเงินเดือนทันที และขอให้บริหารเงินส่วนนี้ด้วยความระมัดระวังเพื่อให้พยุงให้ถึงวันที่จะได้รับเงินชดเชยในส่วนที่เหลือ
ขณะที่ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เซ็นบันทึกรับเงินเยียวยาจากองค์การค้าฯ แล้ว ก็ยังใช้สิทธิในการฟ้องร้องได้ต่อไป หากเห็นว่ายังไม่ถูกต้องเป็นธรรม
นายสมบูรณ์ ชี้แจงต่อว่า ในปี 2546 มีกฎหมายพระราชบัญญัติโอนกิจการองค์การค้าของคุรุสภา มาเป็นองค์การค้าของ สกสค.โดยให้โอนทรัพย์สินหรือหนี้สินมาเป็นของ สกสค.ด้วย แต่เกือบ 18 ปีที่ผ่านมา องค์การค้าฯ ขาดทุนมาตลอด แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงพนักงานไม่ได้รับความเดือดร้อนเลย เพราะได้รับเงินเดือนตลอด เพราะองค์การค้าฯ ไปยืมเงินจาก สกสค.มาจ่าย แต่ในส่วนหนี้เอกชน เช่น ค่าพิมพ์หนังสือ ค่าเอกสาร ช่วงที่องค์การค้าฯ ได้เงินยืมจาก สกสค.ล่าช้า เอกชนก็จะฟ้องเอาจาก สกสค.ซึ่งตกเป็นจำเลยมาตลอด ที่ผ่านมามีไปอายัดเงินเดือนของ สกสค.ซึ่งวันนี้ องค์การค้ายืมเงิน สกสค.มาแล้ว 3,400 ล้านบาท บวกอีก 1,285 ล้านบาท รวมเป็นหนี้ สกสค.จำนวน 4,685 ล้าน ดังนั้น จึงเป็นภาระของ ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ ที่จะต้องเสนอแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ
ทั้งนี้ ความจริงบอร์ดองค์การค้าฯ มี 3 แนวทาง ซึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุดคือ เลิกกิจกรรมขององค์การค้าฯ ซึ่งก่อนหน้านั้นเลิกกิจกรรมองค์การค้าฯ ไม่ได้ เพราะช่วงที่ รมว.ศึกษาฯ เข้ามารับตำแหน่ง มีตารางพิมพ์หนังสือเรียน 35 ล้านเล่ม ให้กับนักเรียน แต่วันนี้จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าปล่อยไว้ก็จะเพิ่มหนี้มากขึ้นๆ จึงเลิกกิจกรรมองค์การค้าฯ
ขณะนี้ องค์การค้ามีหนี้ 6,700 ล้านบาท บวกค่าจ่ายชดเชยและบำเหน็จอีก 1,285 ล้านบาท รวมหนี้ประมาณ 8,000 ล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินขององค์การค้าฯ มีอยู่เพียง 3,000 กว่าล้านบาท ดังนั้น สกสค.จะต้องสูญเงินให้องค์การค้าฯ ไปทันที 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้หนี้แทนองค์การค้า ในฐานะเป็นนิติบุคคลเป็นองค์กรแม่ขององค์การค้าฯ แต่หากปล่อยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปก็ต้องไปยืมเงิน สกสค.อีก ซึ่ง สกสค.จะต้องดูแลครูอีกกว่า 4 แสนคนทั่วประเทศ และขณะนี้มีคนไปร้อง ปปช.ถึงการที่ สกสค.ให้องค์การค้าฯ ยืมเงินไป 8 ครั้งแล้ว ดังนั้น บอร์ดองค์การค้าฯ จึงได้เลือกวิธีทำองค์การค้าฯ ให้เล็กที่สุด และให้ ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ เสนอแผนฟื้นฟูมา ซึ่งบอร์ดก็หวังว่าจะดำเนินการไปได้จึงเลือกวิธีนี้ซึ่งดีที่สุด
"ถ้าเราไม่ทำแบบนี้เราก็จะพังไปทั้งหมด เมื่อพังแล้วทางรัฐมนตรีและบอร์ดองค์การค้าฯ ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าพนักงานและบอร์ด จึงต้องทำแต่บอร์ดก็ห่วงใยวันนี้จึงมีมติจ่ายเงินเยียวยาให้ 1 แสนบาทก่อน และจะได้เงินชดเชยทั้งหมดภายใน 31 ก.ค.2563 ส่วนระบบเงินเดือนที่พนักงานองค์การค้าฯ จะได้รับในช่วงที่หยุดงาน ซึ่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ปี 2562 บอกว่า กรณีนายจ้างสั่งหยุดงานบางส่วนหรือทั้งหมด ให้นายจ้างจ้ายเงินเดือนให้ลูกจ้างร้อยละ 75 แต่การหยุดนั้นต้องไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แต่ในช่วงโควิด-19 มีกฎกระทรวง ตามมติ ครม.เมื่อ 17 เม.ย.2563 กำหนดให้การหยุดงานของนายจ้างถือว่าเป็นการสุดวิสัย แต่ให้ไปเบิกกับประกันสังคม 62% ไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่ 1 มี.ค. - 16 ส.ค.ส่วนที่องค์การค้าฯสั่งให้พนักหยุดอยู่บ้าน 75% ตั้งแต่ 16 - 30 เม.ย.2563 โดยจ่ายเงินเดือนให้ 75% และ พ.ค. 31 วัน และประมาณกลางเดือน มิ.ย.ทางองค์การค้าฯ มารายงานบอร์ดฯ ว่า สั่งให้หยุดงานและจ่ายเงินเดือน 75% ที่ประชุมจึงมีการทักท้วงขึ้นว่าให้ไปเบิกกับประกันสังคม 62% และหลังประชุมบอร์ด รมว.ศึกษาฯ ก็ได้ทำบันทึกถึงองค์การค้า และ นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน.ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าฯ ของ สกสค.ว่าให้ไปศึกษากฎกระทรวงฉบับนี้ เพราะกฎกระทรวงบอกเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ต้องจ่าย 62% ซึ่งองค์การค้าฯ ไม่ใช่บริษัท เมื่อองค์การค้าทราบแล้ว จึงมีหนังสือถึงประกันสังคม และมีหนังสือถึงลูกจ้างด้วย ว่าขอให้ใช้สิทธิ 62% ตามกฎกระทรวง ลูกจ้างองค์การค้าฯ จึงไม่เข้าใจ เพราะช่วงฉุกละหุก จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับเงินถึง 75% ในเดือน มิ.ย. ในวันนี้ที่ประชุมบอร์ดฯ จึงมีมติให้จ่ายเงินเยียวยาให้ 1 แสนบาท ส่วนพนักงานและเจ้าหน้าที่สามารถไปเซ็นรับเงินได้ตลอดเดือน ก.ค.นี้ แต่ถ้าเซ็นเร็วก็จะได้เงินเยียวยาเร็ว และรับเงินส่วนที่เหลือตามกำหนด"
ส่วนที่สหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา ออกมาแถลงว่า การที่องค์การค้ามีหนี้สินจำนวนมากเกิดจากผู้บริหารที่เข้ามาบริหารในช่วงที่ผ่านมา เกิดข้อผิดพลาดและตรวจสอบพบการหาผลประโยชน์เข้าตน ดังนั้น หากใครมีหลักฐานในการประพฤติไม่ถูกต้อง ก็ให้นำหลักฐานมาแจ้งที่บอร์ดองค์การค้าฯ หรือที่ ศธ. เพื่อตรวจสอบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี