เซ่นคลิปฉาว! ย้ายด่วน ผอ.ส่วนอนุรักษ์ฯปัตตานี ถูกร้องเรียกรับเงินลูกจ้าง เปิดทางสอบสวน
3 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่มีคลิป นายพศวัต สุวรรณกมลาศ ผอ.ส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สาขาปัตตานี อ้างว่าเรียกเก็บเงินเดือนจากลูกจ้างทีโออาร์ รายละ 1,000-3,000 บาท หากลูกจ้างคนไหนที่ไม่ให้ ทางผอ.ก็จะไม่จ้างงานต่อ ซึ่งผู้ที่แอบถ่ายคลิปในครั้งนี้ เป็นลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง เนื่องจากไม่พอใจกับพฤติกรรมของ ผอ. และเป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่ที่นี่มากว่า 12 ปีแล้ว
ล่าสุดมีรายงานว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งย้าย นายพศวัต ไปประจำยังต้นสังกัดที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จังหวัดสงขลา ระหว่างรอผลการสอบสวน หลังถูกเจ้าหน้าที่บริหารทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ถูกให้ออกจากงาน และเป็นผู้เผยแพร่คลิป และใช้หลักฐานเข้ายื่นต่อศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด โดยอ้างว่าเป็นภาพขณะนายพศวัต เรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการไม่ออกจากงาน
ขณะที่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกให้ออกและเป็นผู้ถ่ายคลิป ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือ และบันทึกคลิปแอบถ่าย มอบให้กับ นายพงศธร รัตนประพันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปัตตานี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ตนเองถูกเลิกจ้าง โดยบังคับให้เซ็นใบลาออก เนื่องจากไม่พอใจกับการที่ ผอ.มีความประพฤติเรียกเก็บเงินจากเงินเดือนทุกเดือน ส่งผลให้ตนเดือดร้อน ไม่มีรายได้ แต่มีภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องครอบครัว ทำให้บางเดือนไม่มีเงินจุนเจือครอบครัว ซึ่งในการเรียกร้องในครั้งนี้ เพื่อให้ชดใช้รายได้ที่เสียไปและเยียวยาโดยการให้เข้าทำงานที่เดิม หรือหน่วยงานอื่นเพื่อที่จะมีรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป
ด้านนายพงศธร กล่าวว่า ในชั้นต้นต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้ามีข้าราชการถูกร้องเรียนในพื้นที่ โดยอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ตามระเบียบราชการแผ่นดิน ผู้ว่าฯได้สั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อข้อเท็จจริงจะปรากฏอย่างไร ก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง
ส่วน น.ส.เอ กล่าวว่า วันนี้มายืนหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ขอให้ช่วยเหลือติดตามในเรื่องนี้ เพื่อความเป็นธรรมกับตัวเราด้วย และคนอื่นๆ ซึ่งมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบแบบเดียวกัน และรอเวลาที่จะมาเปิดโปงพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งตอนนี้ก็กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะว่าคู่กรณีเป็นถึง ผอ. และมีอำนาจ เป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ที่นี้ ให้ออกนอกพื้นที่ไปก่อน
ด้านนายณรงค์พล หมึกทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สาขาปัตตานี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ นายพศวัต กล่าวว่า ตนได้เห็นคลิปแล้ว แต่ไม่ทั้งหมด ก็เห็นตามที่เป็นข่าว ก็พอจับใจความได้ว่าเกิดเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องที่ไม่เกิดความโปร่งใส เกิดความเสียหายในหน่วยงานและองค์กร ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำชับในเรื่องของความโปร่งใส ความเป็นธรรม ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นสำคัญ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นตนได้ทำการตรวจสอบขั้นตอน ในช่วงที่เกิดเรื่องราวตามคลิป ว่า เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว เกิดอะไรขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบในเรื่องของการเบิกจ่าย เป็นการเบิกจ่ายครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบระบบของราชการ การโอนเงินเข้าบัญชีของลูกจ้าง ทีโออาร์ทุกคน ได้ดำเนินการครบถ้วนถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเงินที่เข้าบัญชีไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นมา ตนเองในฐานะ ผอ.สำนักฯไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียน ไม่ได้รับเรื่องแจ้งมาจากผู้ใต้บังคับบัญชา พนักงานจ้างเหมาว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อาจจะเป็นความบกพร่องของตน ไม่ได้ลงไปถึงขนาดนั้น แต่ด้วยภาระหน้าที่ ก็บอกตรงๆว่าก็อาจจะไม่ได้ลงลึกจนไปถึงรายบุคคล ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นพนักงานจ้างเหมา เพราะได้ตรวจสอบตามระบบแล้วว่าเงินได้โอนเข้าบัญชีตามระยะเวลา
“เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ทำให้เกิดเสียชื่อเสียงอย่างมาก ผมได้สั่งตั้งคณะกรรมการโดยด่วน และเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีพื้นที่ชี้แจงว่าสิ่งที่ทำ เป็นอย่างไร ส่วนผู้กล่าวหาก็จะได้มีพื้นที่แจ้ง หากพบว่ามีความผิดจริงยืนยันว่าจะไม่เอาไว้ อย่างแน่นอน เพราะราชการต้องอยู่ด้วยระเบียบ ความถูกต้องภายใต้กฎเกณฑ์” นายณรงค์พล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี