ศบค.ห่วงผับ-บาร์
เข้ม!หากแหกกฎสั่งปิดทันที
เตือนหยุดยาวห้ามการ์ดตก
ต่างชาติ17ปท.แห่ลงทะเบียน
ขอบินเข้าไทยเพื่อรักษาตัว
ป่วยเพิ่ม1รายจากบาห์เรน
ไร้ติดโควิดในประเทศ39วัน
ศบค. แถลง ไทยพบติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1 ราย เป็นหญิงสาวกลับจากบาห์เรน ส่วนในประเทศไม่มีติดเชื้อ 39 วันติด ผลตรวจสถานบันเทิงให้ความร่วมมือดี แต่บางแห่งยังเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ และต้องสัมผัสกันเรื่อยๆ ส่วนวันหยุดยาวนี้ ขอให้เที่ยวอย่างมีสติ ปลอดภัย ไม่ให้ป่วย วงประชุม ศบค.ชุดเล็กเสนอต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลในไทย พร้อมจัดพาไปเที่ยว โดยต้องอยู่ครบ 14 วัน เผยขณะนี้มีผู้ยื่นลงทะเบียนแล้ว 1,700 คน จาก 17 ประเทศ เลขาฯสมช.เผยประเมินผลคลายล็อกเฟส 5 ทุกวัน ยังไม่พบฝ่าฝืน ขอทุกฝ่ายเข้มงวดต่อเนื่อง ย้ำ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการพร้อมสั่งปิดทันที
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,180 ราย หายป่วยสะสม 3,066 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย และไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 39 วัน และตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ศบค.จะลดวันแถลงข่าวสถานการณ์ เหลือวันจันทร์ และพฤหัสบดี สัปดาห์ละ 2 วัน
สำหรับผู้ป่วยเพิ่ม 1 รายนั้น เป็นหญิงอายุ 24 ปี เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 28 มิถุนายน เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อโควิดในวันที่ 1 กรกฎาคม สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 10,970,706 ราย และเสียชีวิต 523,171 ราย ส่วนคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศและจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ 1 เที่ยวบิน จำนวน 250 ราย ในวันที่ 4 กรกฎาคม มี 4 เที่ยวบิน จำนวน 472 ราย
ห่วงโรคติดเชื้อ-มือเท้าปาก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่น่ากังวลใจในช่วงเปิดเทอม คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ และโรคมือ เท้าปาก ซึ่งเราติดตามตั้งแต่ในปี 2562-2563 พบว่าตัวเลข โรคมือ เท้า ปาก ในปี 2563 ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงปัจจุบัน เกิดโรคน้อยมาก แต่ปี 2562 พบว่าสูงไปถึงกลางปี ซึ่งทำให้ในปีนี้อัตราการเกิดโรคต่ำ เนื่องจากเปิดเทอมช้า และมีการสวมใส่หน้ากากอามัย จึงทำให้ไม่มีการแพร่ระบาด ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่ช่วงต้นปีสูงขึ้น แต่เนื่องจากเราได้มีการรณรงค์สวมหน้ากาอนามัยตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ปรากฎว่าการเกิดโรคน้อยลงไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนมิถุนายน ส่วนกลุ่มที่น่าห่วง คือ เด็กอายุ 0-4 ปี ในระดับอนุบาล และกลุ่มอายุ 5-14 ปี ในระดับประถมต้นและประถมปลาย ซึ่งเพิ่งเปิดเทอมจึงขอฝากพ่อ แม่ ผู้ปกครองดูเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย
ชี้สถานบันเทิงยังต้องระวัง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 5 นายกฯได้กำชับว่าครั้งนี้มาตรการต่างๆ มีความสุ่มเสี่ยงอยู่มาก จึงได้ให้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) นำทีมลงพื้นที่ตรวจ พบว่าส่วนใหญ่สถานบันเทิงให้ความร่วมมือดีทุกแห่ง ต้องขอชื่นชม แต่ยังมีประเด็นที่ตรวจเจอ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ และเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยังมีบางแห่งยังเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ และต้องมีการสัมผัสกันเรื่อยๆ จึงต้องระวัง ซึ่งภาพการนั่งห่างต้องเกิดขึ้น และต้องมีการทำความสะอาดบ่อยๆ ตรงนี้มีความเข้มของการตรวจ และการตรวจในครั้งต่อๆ ไป ผู้ประกอบการจะต้องขอดูผู้เข้าไปตรวจสอบว่ามีแอปพลิเคชั่นผู้พิทักษ์ไทยชนะหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแอบอ้าง
ศบค.ชุดเล็กเสนอต่างชาติเข้ามารักษา
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้มีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติ เรื่องการนำเอาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลของไทย ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่เข้ามารักษาโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคโควิด อาจจะมาเสริมความงาม เช่น เสริมจมูก โดยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน แม้ว่าอาจจะใช้เวลารักษาแค่ 2-3 วัน และจากนั้นในวันที่ 1 สิงหาคม อาจจะอนุญาตให้กลุ่มดังกล่าว หากอยากไปท่องเที่ยว ในจุดอื่นๆ ก็จะจัดทัวร์ให้ จากนั้นวันที่ 1 กันยายน การจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 สูง (ทราเวล บับเบิล) อาจจะอนุญาตให้กลุ่มเฉพาะที่เราดูแลได้เริ่มต้นลองเข้ามา ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นทราเวล บับเบิลจะเกิดขึ้นตามมา แต่ใน 11 กลุ่ม เราเน้นนักธุรกิจ หรือผู้ป่วยที่ต้องเข้ามารับการรักษาในประเทศเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่การเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแบบเดิม
ลงทะเบียนแล้ว17ประเทศ1,7พันคน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกสมัครเข้ามา 62 แห่ง โดยโรงพยาบาลเหล่านี้มีเตียงรองรับ แต่จะไม่มีการเปิดด่านพรมแดนให้รถยนต์ผ่านมาเข้า-ออก แต่จะขอเฉพาะที่เดินทางมาทางเครื่องบินเท่านั้น ขณะนี้มีผู้เริ่มลงทะเบียนที่จะขอเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศแล้ว 17 ประเทศ รวมแล้ว 1,700 คน เช่น พม่าลงทะเบียน 478 คน กัมพูชา 477 คน จีน 69 คน กาตาร์ 95 คน ซาอุดีอาระเบีย 14 คน โอมาน 187 คน คูเวต 137 คน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 223 คน เป็นต้น
เมื่อถามต่อว่าการเข้ามารักษาโรงพยาบาลในไทยญาติหรือผู้ติดตามสามารถเข้ามาได้กี่คน และผู้ป่วยที่รับการรักษาไม่ครบ 14 วันต้องกักตัวที่ประเทศไทยหรือสามรถกลับประเทศได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 3 คน ต้องมีการลงทะเบียน และมีใบนัดหมายแพทย์ประกอบ และอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 14 วัน หากไม่ครบ 14 วันจะไม่ให้ออก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์นี้ เราหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทุกคนต้องเที่ยวอย่างมีสติ เที่ยวอย่างปลอดภัย ไม่ให้ป่วย และปิดกิจการอีกรอบเหมือนในต่างประเทศ เพื่อให้เราเราผ่านมาตรการระยะที่ 5 ยิ่งเราทำดีเท่าไหร่ คนต่างชาติก็อยากเข้ามา
คลายล็อกเฟส5ยังไม่พบฝ่าฝืน
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณามาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 5 ว่า มีการประเมินทุกวัน ซึ่งหลังเปิดเทอม 2 วันแรกก็ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนต่างๆ เป็นอย่าง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานบันเทิงนั้น ทางหน่วยงานด้านความมั่นคง จะมีการเข้าไปตรวจสอบทั้งที่มีการแจ้งล่วงหน้าและไม่แจ้งล่วงหน้า แม้ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็ต้องขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยการสวมหน้ากาก การรักษาระยะห่าง และต้องลงทะเบียน Check In -Check Out
ไม่ปฏิบัติตามมาตรการสั่งปิดทันที
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากสถานที่ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการจะต้องถูกลงโทษและสั่งปิดทันที อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีการประชุม ศบค. ชุดเล็ก เพื่อประเมินสถานการณ์รายวัน และหารือถึงความเป็นไปได้ของโครงการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือ Travel Bubble เพราะไทยไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวในจำนวนเท่าเดิมได้อีก และต้องมีเงื่อนไขเป็นพิเศษ ที่ต้องความมั่นใจว่าสามารถควบคุมนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รวมทั้งต้องมั่นใจว่า นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่าย ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ที่จะต้องดูรายละเอียดในหลายมิติ
คาดทราเวล บับเบิลเร็วสุดกลางส.ค.
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทราเวล บับเบิล นั้น จะต้องทำความตกลงกับประเทศนั้นๆ ก่อน คาดว่า จะมีความพร้อมอย่างเร็ว คือในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ขณะนี้มีหลายประเทศติดต่อเข้ามาเป็นคู่ประเทศ แต่มีเพียง 5 ประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ ด้านระบบสาธารณสุขดี ใกล้เคียงกับประเทศไทย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มาก ซึ่งเป็นประเทศที่ความพร้อมและอยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน (บางมณฑล) ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์
ย้ำตลอด ก.ค.ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว
ส่วนการอนุญาตให้นักธุรกิจและนักลงทุนเข้าประเทศได้นั้น หากอยู่เกิน 14 วัน จะต้องมีการกักตัวในสถานที่ที่ต้องจ่ายเงินเอง หรือ Alternative state quarantine สามารถเลือกโรงแรมที่ได้รับการอนุญาตได้เอง แต่หากมาประเทศไทยไม่ถึง 14 วัน จะมีมาตรการติดตามตัว โดยมีการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นทาง และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็จะต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง พร้อมยังมีการตรวจโรคก่อนเดินทางกลับประเทศด้วย สำหรับการกำหนดการเดินทางเข้า-ออก ประเทศของชาวต่างชาตินั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ที่อาจจะกำหนดไว้ไม่เกินวันละ 200-300 คน พร้อมย้ำว่า ตลอดช่วงเดือนกรกฎาคมจะยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้
ยังไม่เจรจาประเทศระบาดหนัก
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการนำเสนอร่างการจัดการข้อปฏิบัติเรื่องการนำเอาผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลไทย ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ว่า ในส่วนนี้เป็นในเรื่องของนโยบาย คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในต่างประเทศมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลายประเทศได้เปลี่ยนมาตรการในการรับมือ เช่น จีนและญี่ปุ่น ได้ขยายระยะเวลาในการกักตัว หากเราจะทำมาตรการ ทราเวล บับเบิลกับประเทศใด จะต้องยอมรับกติกาของทั้งสองฝ่าย ส่วนประเทศที่ยังมีการระบาดหนักอยู่เรายังไม่สามารถเจรจาอะไรได้ นี่คือความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะนำเสนอในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป ส่วนนักท่องเที่ยวที่มีอาการป่วยและต้องการเข้ามารักษาในประเทศไทยจะต้องดูเป็นกรณีๆ ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี