สามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพยายามนำเสนอข้อดีของการทำงานในแบบญี่ปุ่น เท่าที่ได้เห็นจากประสบการณ์ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ความจริงยังมีอีกมาก ที่สามารถนำมาพูดคุยได้แต่กระนั้น คงต้องไม่พูดเยอะ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีโอกาสได้พูดถึงประเทศอื่นๆ ไป เนื่องจากยังมีลักษณะเฉพาะต่างๆ สำหรับวิถีการทำงานของชาติต่างๆ อีก แต่ทว่าผมคงจะเลือกสรรคัดเอาในส่วนที่ดีๆ ส่วนไหนที่ไม่ดีก็ไม่ควรนำมาเสนอ เพราะจะกลายเป็นการประจานเขาไป ซึ่งคงไม่ดีในแบบฉบับของนักการทูตมืออาชีพครับ
ในบรรดาสมาชิกแอปเตอร์ นอกจากจีนและเกาหลีใต้ที่ผมไม่ได้ยกมาเล่าแบบญี่ปุ่นนั้น สำหรับในส่วนของสมาชิกอาเซียนแท้ๆ 10 ประเทศแล้ว ผมว่าสิงคโปร์น่าพูดถึงมากที่สุด เพราะน่าจะเป็นด้วยระบบการทำงานของเขา และอาจรวมถึงบรรทัดฐานการดำเนินชีวิตของประชาชนเขาประกอบกันจึงทำให้สิงคโปร์เจริญก้าวหน้าก้าวไกล อย่างที่เราคนไทยน่าจะตามทันได้ยาก ลักษณะเฉพาะและเด่นของสิงคโปร์คงจะมีที่มาและรวมเอาสิ่งดีจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือความเก่งกาจในด้านการค้าพาณิชย์จากความเป็นคนเชื้อชาติจีน กับระบบการบริหารงานที่น่าจะลอกเลียนแบบมาจากอังกฤษ เมื่อสุดยอดของทั้ง 2 สุดยอดมารวมกัน เลยทำให้สิงคโปร์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็นต่อการสร้างชาติของสิงคโปร์แทบจะหาไม่ได้เลยจากภายในประเทศ การกำหนด position ตนเองเป็นคนกลางในการซื้อขายสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตผู้คน จึงเป็น norm ของสิงคโปร์มาตั้งแต่เริ่มตั้งประเทศ และแน่นอนที่สุดครับ มันเป็นความจริงอย่างหนึ่งที่ท่านผู้อ่านหลายท่านทราบแล้ว บรรพบุรุษผมเคยสอนไว้ตั้งแต่ผมยังเยาว์ว่า ในโลกนี้ ถ้าอยากจะเป็นผู้มีเงินทองทรัพย์สินมั่งคั่ง ให้เลือกประกอบอาชีพพ่อค้าวาณิช หรือ ค้าขายเถิด ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ท่านว่า เพราะในโลกนี้ ไม่มีอาชีพใดที่จะสร้างความร่ำรวยให้กับเราได้เท่ากับอาชีพค้าขาย ส่วนอาชีพรับราชการหรือเป็นลูกจ้างเอกชนนั้น สงวนไว้สำหรับคนที่ไม่หวังจะเป็นคนมีสตางค์หรือคนที่พอเพียงเท่านั้น เพราะคนกลุ่มหลังนี้กินแต่เงินเดือนค่าจ้างซึ่งไม่มีทางที่จะเก็บสะสมจนมั่งคั่งได้แน่นอน ยกเว้นสองสามอย่างคือ ทุจริตคดโกง หรือได้ทรัพย์สินมาจากมรดกตกทอด หรือเผอิญถูกหวยรางวัลใหญ่ พอดีผมเองก็เป็นคนแบบพอเพียง หรืออาจอยากจะรวยเหมือนกันแต่ขี้เกียจค้าขาย เลยเลือกที่จะเป็นข้าราชการ ก็เลยได้จนมาสมใจอยาก (เอ้ะ!! เพลินไปซะไกล..) สิงคโปร์เลยประสบความสำเร็จในการยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยความถนัดเดิม คือ ค้าขาย ส่วนระบบภาครัฐ ที่เรียนรู้มาจากอังกฤษ อาจบวกด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านผู้นำยุคบุกเบิก ท่านลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ สิ่งที่ผมพบเห็นจากสิงคโปร์ คือ ความตรงไปตรงมาและความมีประสิทธิภาพโดยยึดถือกฎเกณฑ์ของสังคมอย่างเข้มงวด
ตัวอย่างอันหนึ่งที่ผมเห็นจากการทำงานในแอปเตอร์คือ เวลาที่ฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์ขออนุมัติในเรื่องใดๆ สิงคโปร์จะต้องสอบถามกลับเพื่อความชัดเจนเกือบทุกครั้ง คือสอบถามเพื่อความเข้าใจตรงกันก่อน หากมีความคลุมเครือ ก็จะต้องอธิบายกันจนพอใจ รวมทั้งในที่ประชุมต่างๆ ทางสิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศต้นๆ ที่มักมีคำถามบ่อยมาก แต่กระนั้น ทางออกดีๆ หรือมติที่หลายคนยอมรับ ก็มักจะมาจากสิงคโปร์นี่แหละ จริงๆ แล้วจะว่าไปสิงคโปร์เขามีวิสัยทัศน์ระดับโลกและสามารถมองข้ามอาเซียนเราไปเลยก็ได้ เพราะถึงแม้จะไม่มีพื้นที่นาสำหรับผลิตข้าวเลย แต่เขาก็มีเงินมากพอที่จะหาซื้อข้าวบริโภคจากที่ใดก็ได้ แต่ด้วยความที่เขามีภูมิรัฐศาสตร์ติดอยู่กับสมาชิกอาเซียนอื่น เขาก็ไม่เคยมองข้ามความสำคัญอันน้อยนิด อีกทั้งเงินที่เขาบริจาคให้แอปเตอร์ เมื่อเทียบกับความมั่งคั่งร่ำรวยของเขาแล้ว เหมือนขนหน้าแข้งครึ่งเส้น แต่เขาก็ยังให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเงิน Endowment Fund ที่เป็นหนึ่งในสองก้อนที่สมาชิกบริจาคให้แอปเตอร์ทุกปี (อีกก้อน คือ Operational Cost) นั้น สิงคโปร์นี่แหละที่ยืนยันว่า ฝ่ายสำนักเลขานุการจะต้องนำไปฝากธนาคารที่น่าเชื่อถือไว้เท่านั้น ห้ามที่จะนำไปลงทุนอื่นใด แม้จะสามารถออกดอกออกผลได้มากกว่าการฝากประจำที่ธนาคารที่ว่า ทั้งนี้ เพราะเกรงว่าเงินดังกล่าวจะสูญหายหมดไปจากภาวะเสี่ยงนั่นเอง
ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นถือเป็นส่วนน้อยนิดกับบรรทัดฐานของสิงคโปร์ ความจริงยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากตามที่ได้เล่าไปบ้างแล้วในสอดแทรกฉบับก่อนนับเป็นความละเอียดรอบคอบของสิงคโปร์ที่สมาชิกแอปเตอร์อื่นๆ ต้องคล้อยตาม และก็ถือว่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของแอปเตอร์จริงๆ ครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี