วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 นายเอก(นามสมมุติ)หนุ่มใหญ่วัย 53 ปีชาวสระบุรี เดินทางพร้อมน้องสาวและคุณแม่เข้าร้องต่อ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ที่สำนักงานทนายคู่ใจย่านแจ้งวัฒนะ
จากกรณีที่ตนได้รู้จักกับหญิงสาวชาวเหนือผ่านทางเฟสบุค เมื่อประมาณ2ปีที่แล้ว. และถูกหลอกให้โอนเงินกว่า4ล้านบาท
ผู้เสียหาย เปิดใจเล่ากับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ว่า จากที่ตนได้รู้จักกับน้องแจง อายุ 32 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และคุยมาตลอด 2 ปี ขนะนั้นตนทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ด้วยความที่ตนเป็นพ่อหม้าย ตามหารักแท้จึงตกลงคบหากับแจง โดยที่ฝ่ายน้องแจงได้มีการเขียนหนังสือสัญญาว่าจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันกับนายเอกฉันสามีภรรยา จึงทำให้นายเอกหลงรักและเชื่อใจน้องแจง อยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันรวมถึงอยากช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ
หลังจากที่เริ่มคบสักระยะก็มีเหตุการณ์ที่น้องแจงเอามากล่าวอ้าง ว่าพ่อเสียชีวิตขอค่าทำศพไม่นานก็ส่งรูปงานศพแม่ให้นายเอกโอนค่าจัดงานศพให้อีก
จากนั้นน้องแจงก็อ้างอีกว่าจะเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งที่โดยจะต้องใช้เงินประกันการทำงาน หลังจากนั้นอีก4-5เดือนก็บอกจะมาทำงานที่สุวรรณภูมิเพื่ออ้างขอเงินกับนายเอกอีก
รวมทั้งยังอ้างถึงที่ดินจังหวัดเชียงรายติดธนาคาร ธกส.ขอเงินไถ่ถอนเพื่อเอาออกมาขายและจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด แต่หลังจากโอนไปก็ยังอ้างต่อว่าติดปัญญาคนที่จะมาซื้อที่ดินผื่นดังกล่าวไม่พอใจทางเข้าที่คับแคบถ้านายเอกโอนเงินจำนวน1ล้าน3แสนบาทซื้อที่ข้างเคียงเพื่อเป็นทางเข้าจะสามารถขายได้และเอาเงินมาใช้หนี้นายเอก...นายเอกจึงหลงเชื่อและโอนให้เมื่อวันที่28มกราคม2563
ยังมีประเด็นที่น้องแจงบอกว่าโดนคดียักยอกทรัพย์ที่ถูกฟ้องจากไฟแนนซ์รถยนต์ทำให้นายเอกต้องโอนเงินอีก4แสน4หมื่นบาทด้วยสงสาร
ซึ้งเงินทั้งหมดที่โอนให้น้องแจงนั้น นายเอกเปิดใจว่า เป็นเงินที่ได้จากการเออร์รี่ จากบริษัทที่ตนทำงานและส่วนหนึ่งก็เป็นการจำนำรถยนต์และจากบัตรเครดิต ปัจจุบันตนเหลือเงินติดตัวหลังเออร์รี่เพียงหมื่นกว่าบาทส้ำร้ายยังต้องเป็นหนี้อีกมากมายด้วยความหลงรักและอยากช่วยเหลือคนรัก...
ยิ่งไปกว่านั้นพักหลังมานานเอกเริ่มติดต่อน้องแจงยากขึ้นโดนบล็อกเฟสบล็อกเบอร์โทรเหลือเพียงไลน์แต่ก็ไม่ค้อยตอบเหมือนก่อนโดยน้องแจงอ้างว่าทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียโทรสัพศ์พังต้องยืมโทรสัพศ์ของเพื่อนเพื่อติดต่อกับนายเอก...โดยนายเอกสืบทราบมาว่าน้องแจงมีผู้ชายคนใหม่แล้ว
นายเอกจึงเริ่มหมดความเชื่อใจสงสัยและปรึกษากับครอบครัวได้รับคำแนะนำไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี วันที่ 22 พฤษภาคม2563ที่ผ่านมา
ที่เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ วันนี้ต้องการสอบถามประเด็นที่สามาถดำเนินการทางกฏหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางด้านทนายรณณรงค์ เเก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมกล่าวว่า...ต้องตรวจสอบหลักฐานที่คุยเพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือเป็นการให้โดยเสนห์หาแต่เบื่องต้นมีการแจ้งความในพื้นที่ไว้เเล้วต้องตามต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ยอมรับว่าไม่เคยเจอการโอนเงินให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนเงินมากขนาดนี้ทัังๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันมีเพียงการคุยผ่านเฟสผ่านไลน์ไม่เคยแม้แต่วีดีโอคอลหากัน
ฝากเตือนไปยังประชาชนที่คิดจะหาคู่ผ่านสื่อออนไลน์ให้พิจารณามากๆและควรที่จะเจอตัวจริงกันก่อนหรืออาจจะลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักระยะก่อนจะเชื่อใจและโอนเงินให้ จากหลายๆกรณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี