12 กรกฎาคม 2563 เมื่อเวลา 10.30 น. นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ติดตามตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีประชาชนร้องเรียนเนื่องจากได้รับความเดือนร้อนจากการก่อสร้างโครงการ เดอะพีค เรสซิเดนซ์ จังหวัดภูเก็ต
นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทราบถึงปัญหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบุกรุกที่ดินทำกิน รวมถึงตรวจสอบความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง จากการก่อสร้างโครงการห้องชุด เดอะพีค เรสซิเดนซ์ จังหวัดภูเก็ตโดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อ ตรวจสอบการดำเนินการของโครงการฯว่าได้หยุดการก่อสร้างตามคำสั่งฯ หรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการระงับการก่อสร้างของโครงการฯและการเตรียมฟื้นฟูสภาพป่าไม้ที่ได้รับความเสียหาย
นายสิระ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับหนังสือเรื่องความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจังหวัดภูเก็ต กรณีการก่อสร้างอาคารโครงการห้องชุด เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ จังหวัดภูเก็ต ที่ ภก 0017.1/18941 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2562 เรื่องการรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ของบริษัท กะตะบีช จำกัด ตั้งอยู่บนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ว่ามีการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
“โดยบริเวณพื้นที่ป่าสมบูรณ์ยังคงได้รับผลกระทบจากโครงการ เนื่องจากตรวจสอบแล้วว่าการดำเนินการของโครงการ ไม่ได้หยุดการก่อสร้างตามคำสั่งฯ ของหน่วยงานราชการ ยังมีการแอบลักลอบก่อสร้างต่อเติมเรื่อยมา ซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำป่าทะลัก ดินโคลนไหลหลาก เนื่องจากโครงการอยู่พื้นที่ลาดเชิงเขาประชาชนบริเวณหน้าชายหาดได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการ เเละหนังสือ ที่ ยธ 0809.3/510 กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า ศาลปกครองนครศรีธรรมราชได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ 266/2560 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก)ดังกล่าว เนื่องจากคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินที่ให้ยกเลิกคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) และดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด”
นายสิระ กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่กังวลในปัจจุบัน คือ สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติบริเวณโดยรอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ได้ถูกทำลาย และระบบนิเวศ ทางเดินทางน้ำต่างๆ ไม่เป็นดังเดิม ซึ่งเดิมเมื่อฝนตกต้นไม้ปกคลุมดินบนหน้าผาจะซึมซับน้ำเอาไว้ ลดความรุนแรงของการเคลื่อนไหวของน้ำที่จะไหลหลากด้วยความเร็วก่อนจะลงมายังหน้าหาด หรือ ถนนทางเดินสาธารณะ
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่าหลังก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าว ได้เกิดร่องรอยของดินโคลนถล่ม น้ำไหลหลาก โคลนจากภูเขา เศษหิน และยังมีเศษอิฐบางส่วนจากงานก่อสร้างถูกนำพาลงมากับน้ำ ลงมาที่บริเวณหน้าชายหาด ซึ่งตนกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในระยะยาวได้
นอกจากนี้พบว่า ที่ดินของโครงการตั้งอยู่ในเขตภูเขา มีความลาดชันเฉลี่ยเกิน 35% และมีบางส่วนอยู่นอกเขตภูเขา มีความลาดชันเฉลี่ยไม่เกิน 35% ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จึงเป็นการออกในพื้นที่ที่ต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามข้อ 3 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2497)
นายสิระ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในเมื่อศาลปกครองนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต แล้ว เทศบาลตำบาลกะรนมีหน้าที่ต้องระงับการก่อสร้างอาคารหรือชะลอการต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคารในที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ก่อน แต่เทศบาลตำบลกะรนไม่ระงับการก่อสร้าง รวมถึงพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยวางหลักประกันจำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารไม่ได้บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการได้
ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกะรน มีคำสั่งต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร จึงอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นส่งให้ คณะกรรมการป้องการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการเอาผิดกับข้าราชการทุจริตกลุ่มดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมาธิการฯ จะ เชิญผู้เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งขอให้ผู้ที่ได้จองห้องชุดในโครงการดังกล่าว แจ้งข้อมูลได้ที่คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทา หากได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวต่อไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี