เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้ โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ตอนนี้หากนับยอดรวมของอเมริกา บราซิล และอินเดีย ซึ่งเป็น 3 อันดับแรกของโลก จะพบว่ามีจำนวนเคสติดเชื้อถึง 45% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดในโลก และมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมกันราว 40% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในโลก
ทวีปอเมริกาเหนือและใต้ และเอเชีย มีภาวะการระบาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าน่าจะมีจำนวนมากขึ้นไปอีก หลังจากหลายประเทศประกาศปลดล็อคให้ดำเนินชีวิตตามปกติหรือใกล้เคียงปกติ
เม็กซิโกได้ปลดล็อคไปตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน โดยยังมีภาวะการระบาดอยู่ในประเทศ หลังปลดล็อคไปจนถึงปัจจุบัน พบว่าทั้งจำนวนการติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า และยังควบคุมไม่ได้
สิ่งที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อนั้น นอกจากการปรับพฤติกรรมของคนไม่ให้เจอกับเชื้อโรคแล้ว มีอยู่ 3 อย่างหลักคือ
หนึ่ง การพัฒนาชุดตรวจการติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ ทั้งความไวสูงและความจำเพาะที่สูง ยิ่งหากโรคน่ากลัว ความไวสำหรับชุดตรวจคัดกรองควรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดโอกาสที่คนติดเชื้อจะตรวจแล้วพลาดเป็นผลลบ (เรียกว่า "ผลลบปลอม")
สอง การพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกัน
สาม การพัฒนาวิธีรักษา
ตอนนี้เรามีอย่างแรก แต่ยังมีคุณสมบัติที่ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่อย่างที่สองและสามนั้นยังไม่มี
การที่มีชุดตรวจการติดเชื้อที่ยังไม่สมบูรณ์ และผลอาจผิดพลาด ขึ้นกับระยะเวลาของการติดเชื้อในขณะที่ทำการตรวจ จึงต้องการการดำเนินการที่ควบคู่ไปด้วยอย่างเคร่งครัด นั่นคือ การกักตัวเฝ้าสังเกตอาการอย่างน้อย 14 วัน และระบบการติดตามตัวที่แม่นยำโดยสามารถทราบได้ว่าแต่ละคนนั้นอยู่ที่ใด เดินทางไปไหน ช่วงไหน เพื่อประโยชน์ในการสอบสวนโรคหากเกิดการติดเชื้อขึ้นในพื้นที่
ดังนั้น "โรคติดต่อจะติดต่อ...หากเราติดต่อกัน" จึงเป็นสัจธรรมที่ต้องระลึกไว้เสมอ
การเปิดเสรี ปลดล็อค จึงตามมาด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้นตามลำดับ
ประเทศไทยวันนี้มีเพิ่ม 1 คน มาจากต่างประเทศ ขอให้ปลอดภัยและหายโดยเร็ว ยอดรวม 3,217 คน
ประเทศอื่น หลังปลดล็อคเสรีใกล้เคียงปกติ มีกิจการเสี่ยงสูง และการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมาก มักมีการระบาดในประเทศภายใน 2-6 สัปดาห์
ดูเค้าแล้วมาคอยดูเรา...ช่วงที่เราต้องช่วยกันติดตามคงจะเป็น 15 กรกฎาคม จนถึง 15 สิงหาคม...
ระหว่างนี้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดในประเทศของเราคือ "ใส่หน้ากากเสมอ...ล้างมือบ่อยๆ...อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร...พูดน้อยลง...พบปะคนน้อยลงสั้นลง...เลี่ยงที่อโคจร...หมั่นสังเกตอาการของตนเองและครอบครัว"
หากไม่สบาย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสผิดปกติ ท้องเสีย...โปรดรีบไปตรวจรักษา จะได้ช่วยตัดวงจรการระบาดของโรคได้
ส่วนรัฐ...ควรลด ละ เลี่ยง นโยบายที่จะนำความเสี่ยงสูงมาสู่ประชาชนในประเทศ
การนำเข้าคนต่างชาติมาสู่ประเทศไทยนั้น ใน 11 กลุ่มเป้าหมายที่เคยประกาศไป ก็ควรขันน็อตระบบเฝ้าระวังให้แน่นหนา คัดกรอง กักตัว และติดตาม ไม่ให้หลุด เพราะโรคนี้ติดง่าย แต่ยังไม่มีวิธีรักษามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน
ในขณะที่ฟองสบู่ท่องเที่ยว ที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้ามานั้น...เสี่ยงสูงมากเกินกว่าจะยอมรับได้ และประตูนี้จำเป็นต้องปิดไปยาว คาดว่าอย่างน้อยอีก 6 เดือนครับ
ระหว่างนี้ รัฐ เอกชน และประชาชน ควรช่วยกันประคับประคองผู้ที่ได้รับผลกระทบ ให้พอหายใจหายคออยู่รอดได้ แต่ต้องปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตและรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ไม่สามารถทำแบบอดีตได้
เอาใจช่วยทุกคน
ประเทศไทยต้องทำได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี