สตม.รวบ“เจ๊เพชร ปอยเปต”แก๊งลอบขนชาวกัมพูชาเข้าไทย คิดหัวละ4 พัน เชื่อมีคนไทยร่วมเอี่ยว ด้าน ผช.ผบ.ตร.เผยจับต่างด้าวไปแล้วกว่า 3 พันคน ขู่ปิดสถานประกอบการใช้แรงงานเถื่อน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่15 กรกฎาคม 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมคณะเปิดแถลงข่าวจับกุมนางเพชรรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี
ในข้อหา “เป็นบุคคลซึ่งเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่เข้าออกตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเขตท่าสถานีหรือท้องที่และตามกำหนดเวลา, ไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงและไม่ผ่านการตรวจหรืออนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ ฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 (6) (ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด) โดยจับกุมได้ที่โรงแรมใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้น หลังมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่อ้างว่าสามารถลอบพาคนเข้าออกประเทศได้ ชื่อ “เจ๊เพชร ปอยเปต” ได้โพสในเฟซบุ๊คชื่อ “ถ้าไม่รู้จริง เจ้เพชร ปอยเปต อย่าใส่ร้ายกู “ โดยมีข้อความโฆษณาว่า “จะเข้าจะออก บอกเจ๊เพชร ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องลุยน้ำ หรือลุยโคลน ทักเจ้เพชร ปอยเปต ชัวร์ 100%”
ต่อมาสตม. จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ออกสืบสวนในพื้นที่ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 17.00น. ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ได้พบตัวเจ๊เพชรที่ โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบ ผู้ถูกจับกุมได้แสดงหนังสือเดินทาง ระบุชื่อ นางเพชรรัตน์ อายุ 55 ปี
จากการสอบถามผู้ต้องหายอมรับว่า ตนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 (6) นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ถูกจับมีข้อมูลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 เวลา 13.39 น. ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และไม่พบข้อมูลเดินทางเข้าราชอาณาจักรแต่อย่างใด
นางเพชรรัตน์ ยังได้รับสารภาพว่าตนเป็นผู้โพสเฟซบุ๊ค โฆษณาว่าสามารถนำพาคนเข้า-ออก ประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน และไม่ต้องผ่านการตรวจโรค เรียกเก็บค่าใช้จ่ายครั้งละ 4,000 บาท โดยผู้เดินทางต้องโอนค่ามัดจำเป็นค่ารถ จำนวน 500 บาท และจ่ายอีก 3,500 บาท เมื่อถึงปลายทาง โดยมี นายบอง ไม่ทราบชื่อ นามสกุล และสัญชาติที่แท้จริง และมีคนไทยบางกลุ่มร่วมขบวนการ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวถึงมาตรการป้องกันผู้ลักลอบเข้าออกประเทศช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย ยืนยันว่าไม่มีคนลอบเข้าตามด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ยังมีลักลอบเข้าตามช่องทางธรรมชาติ เพราะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งกำลังพยายามอุดรอยรั่วและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบพาคนเข้าอย่างเด็ดขาด ซึ่งเร็วๆนี้อาจจะมีการจับกุมข้าราชการที่เกี่ยวข้องด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ หลังผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 5 ปรากฏ มีแรงงาน 3สัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนทั่วประเทศ จับกุมแล้วกว่า 3,000 คน ซึ่งเข้ามาในลักษณะกองทัพมด โดยมีขบวนการนำพาเข้าพื้นที่ชั้นใน ส่วนใหญ่เป็นการลักลอบเข้าทางตำรวจภูธรภาค2ซึ่งติดแนวชายแดนประเทศกัมพูชา /ตำรวจภูธรภาค 5 พื้นที่ภาคเหนือและ ตำรวจภูธรภาค 6ซึ่งมีตะเข็บชายแดนติดประเทศลาว
นอกจากนี้ในพื้นที่ชั้นในของตำรวจภูธรภาค 1 ยังจับแรงงานได้อีกจำนวนมาก ซึ่งทั้ง 3,000 คน ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19แล้ว แต่ไม่พบ จึงได้ผลักดันออกนอกประเทศไปทั้งหมดแล้ว ยอมรับ ความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการหลังได้รับการผ่อนปรนระยะ5 เป็นปัจจัยให้มีการลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศ เบื้องต้นยังไม่พบมีตำรวจเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากการเก็บค่าหัวคิวแรงงานเถื่อน เตือนผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานเถื่อน จะถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฐานให้ที่พักพิง และใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และสั่งปิดสถานประกอบการทันที
ขณะนี้ รัฐบาล อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้แรงงาน3สัญชาติดังกล่าว เข้าประเทศ แต่มีเงื่อนไข ต้องกักตัวตามขั้นตอนคัดกรองโรค โดยประเด็นนี้ ยังไม่มีบทสรุป
ผช.ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศของแรงงานเถื่อน โดยให้ตั้งจุดตรวจ ทั้งในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ชั้นใน เช่นเดียวกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สืบสวนหาข่าวกลุ่มเอเย่นต์ ผู้ที่นำพาให้การช่วยเหลือนำพาแรงงานผิดกฎหมาย รวมทั้ง จัดชุดสายตรวจร่วม ออกตรวจ ตักเตือน ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ สถานบริการกลางคืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี