"ครูกัลยา"แถลงผลงาน1ปีแรก ภายใต้4นโยบายหลัก และการก้าวสู่ปีที่2 ชูแนวทาง"ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน" มุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษา เน้นไปที่ตัวผู้เรียนเพื่อเตรียมพร้อมคนก้าวสู่ศตวรรษที่ 21
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ที่พิพิธภัณฑ์การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกะทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) นำทัพแถลงข่าวการก้าวสู่ปีที่ 2 ชูแนวทาง "ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน" โดยจะใช้ 3 กลไกหลักนี้ มุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริง เน้นที่ตัวผู้เรียน เตรียมพร้อมคนก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 เพื่อพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศต่อไป
ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า การพัฒนาการศึกษาไทยเพื่อให้มีศักยภาพในการรองรับและก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เน้นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคง และบูรณาการเพื่อเป็นทุนสำหรับการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา ได้วางนโยบายโดยเน้นการปฏิรูปไปที่ตัวผู้เรียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยไปสู่ศตวรรษที่ 21 ภายใต้นโยบายหลัก 4 เรื่อง ที่สามารถดำเนินการเป็นรูปธรรมแล้ว คือ 1.โค้ดดิ้ง (Coding) 2.การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3.การอ่านเขียนเรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย และ 4.อาชีวะเกษตร ที่ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ที่จะใช้กลไกของวิทยาลัยอาชีวะเกษตรทั่วประเทศ ขับเคลื่อนโครงการการก้าวไปสู่ปีที่ 2
นับจากนี้ไป การศึกษาไทยจะเผชิญความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาฯ ภายใต้ความรับผิดชอบของตนเอง จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้แนวทาง 1. "ทันสมัย" โดยเฉพาะนโยบายเรื่อง โค้ดดิ้ง (Coding) ที่ได้ออกแบบเนื้อหาหลักสูตรร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สนับสนุนเด็กไทยต้องได้เรียนโค้ดดิ้ง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษา ที่ได้มีการขับเคลื่อนมาโดยตลอด เป็นนโยบายที่ปฏิรูปโดยตรงถึงเยาวชนไทย และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน จนขยายผลออกไปในวงกว้าง ซึ่งปัจจุบัน รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) แห่งชาติ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ เพื่อขับเคลื่อนงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการจัดอบรมครูออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อม ที่นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีครูสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมกว่า 2 แสนคน โดย ตนได้นิยามการเรียนการสอนโค้ดดิ้งว่า "ง่ายกว่าที่คิด พิชิตยุคดิจิทัล Coding for All… All for Coding"
"ดิฉันให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นฐานให้กับผู้เรียน โดยการพัฒนาทักษะ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ในศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย ตามความเหมาะสม ทั้งเด็กปกติและกลุ่มเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ซึ่งทักษะที่สำคัญจำเป็น และควรเน้นเป็นอย่างยิ่ง คือ การคิดวิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น การสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำรงชีวิต Coding เป็นทักษะการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยสร้างความมีตรรกะและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น" ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว
คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับคุณภาพวิทยาศาสตร์ไทย โดยได้ให้การสนับสนุนโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT) ในด้านการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา พัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพสูงทัดเทียมกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เป็นตัวป้อนที่มีคุณภาพสูงเยี่ยม เข้าสู่ระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักประดิษฐ์ นักคิดค้นของประเทศชาติต่อไปในอนาคต รวมไปถึง การขับเคลื่อนและขยายผลการพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพื่อพัฒนา การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย การเตรียมความพร้อมเพื่อการทดสอบ PISA 2022 โดยใช้แนวทางการพัฒนาของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เพื่อการยกระดับ ผลการสอบ PISA ของประเทศไทย
2.แนวทาง "เท่าเทียม" การศึกษาไทย จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เด็กพิการและเด็กด้อยโอกาสสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส ผ่านการให้บริการในรูปแบบที่หลากหลาย และมีคุณภาพ มีทักษะชีวิตที่ดี สามารถพึ่งตนเองได้ อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในด้านจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ มีโรงเรียนเฉพาะความพิการ 48 โรง นักเรียน 12,388 คน มีศูนย์การศึกษาพิเศษ 77 แห่ง นักเรียน 26,339 คน และสำหรับเด็กด้อยโอกาส มีโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ 51 โรง นักเรียน 33,528 คน ในด้านการส่งเสริม สนับสนุนนั้น มีการจัดการศึกษา แบบเรียนรวม24,216 โรง นักเรียน 432,590 คน และมีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา สำหรับคนพิการ
และ 3.แนวทาง "ยั่งยืน" ยกระดับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการเกษตรให้สอดคล้องกับสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 ด้วยการพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง เป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอดทางเทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร (Digital Agri College) โดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการการเรียนการสอน : STI (Science /Technology/Innovation) เพื่อยกระดับสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง เป็น Digital Agri College รวมไปถึงการเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ โดยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 47 แห่ง ทั่วประเทศ เป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรทางการเกษตร ที่พร้อมจะพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำในอนาคต ภายใต้หลักสูตร "ชลกร" เพื่อปั้นนักบริหารจัดการน้ำในชุมชน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีน้ำกิน น้ำใช้ แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
โดยทั้งหมดนี้ จะใช้กลไกของสภาการศึกษาเป็นฟันเฟือง ผลักดันให้สภาการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนด้านการปฏิรูปการศึกษา ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเชื่อมต่อกับทุกภาคส่วนในการผลักดันนโยบายต่างๆให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
"ดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด มายืนตรงจุดนี้ได้เพราะการศึกษ ภายใต้แนวทาง "ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน" ในการก้าวสู่ปีที่ 2 นี้ ดิฉันจะทุ่มเททำงานด้วยความตั้งใจ จะระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จ ในการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพ และเป็นพลเมืองที่ดี ของประเทศต่อไป แม้จะต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนบ้างในบางเรื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้อง แต่ดิฉันจะเดินหน้าต่อ และก้าวข้ามอุปสรรคทั้งปวง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังที่ตั้งใจ สิ่งนี้คือคำมั่นสัญญา" ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี