เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดเลย พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จว.เลย แถลงข่าวการจับกุมแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ภายใต้อำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4, พ.อ.สมหมาย บุษบา รอง ผบ.มทบ.28/รอง ผอ.รมน.จว.เลย, นายณรงค์ จีนอ่ำ ปลัดจังหวัดเลย , นายสุขสันต์ ไชยรถ ป้องกันจังหวัดเลย, นายเอกลักษณ์ อุ่นภักดิ์ จัดหางานจังหวัดเลย , พ.ต.ท.กันตพจน์ แจ่มปรางค์ทอง รอง ผกก.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 , พ.ต.ท.ปัญจมานนท์ เมฆเลื่อม สว.ตม.จว.เลย บก.ตม.4 โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ร่วมกับ จัดหางานจังหวัดเลย ฝ่ายปกครองจังหวัดเลย และ กอ.รมน.จว.เลยบูรณาการร่วมมือการทำงานร่วมกัน ออกตรวจสอบผู้กระทำความผิด เมื่อวันที่ 22 ก.ค.63 กรณีมีผู้ร้องเรียนทางโทรศัพท์ของผู้ไม่ประสงค์ออกนามในเขตพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณก่อสร้างอาคาร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถนนเลย - เชียงคาน ต.เมือง อ.เมืองเลย จ.เลย มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาวหลบหนีเข้ามาทำงาน และพักอาศัยอยู่ จึงได้ร่วมกันวางแผนและเข้าตรวจสอบในมาหาวิทยาลัยดังกล่าว
จากการตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว กระทำผิดกฎหมาย จำนวน 6 ราย จึงได้ร่วมกันจับกุมตัว โดยผู้ต้องหาที่ 1 แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานฝ่าฝืน มาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561” และผู้ต้องหาที่ 2 - 6 ได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานฝ่าฝืน มาตรา 8 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2561” พร้อมควบคุมตัวทั้งหมดนำส่ง พงส.สภ.เมืองเลย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม ตม.จว.เลย พร้อมชุดจับกุม ออกตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนทางโทรศัพท์ของผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่ามีคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในสถานที่ก่อสร้างอาคารบริเวณ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถนนเลย - เชียงคาน ต.เมือง อ.เมืองเลย จ.เลย โดยก่อนเข้าทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงตัวว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดเลย ผลการตรวจสอบพบเห็นบุคคลมีลักษณะคล้ายคนต่างด้าว จำนวน 6 คน กำลังทำงานอยู่ในอาคารที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอตรวจสอบเอกสารและใบอนุญาตทำงาน พบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว สัญชาติลาว ไม่มีเอกสารประจำตัวใดๆ มาแสดง จากการสอบถามข้อมูลทราบว่าได้เข้ามาทำงานกรรมกรก่อสร้าง ได้รับค่าจ้างวันละ 300 - 400 บาท โดยมีนายจ้างทราบเพียงชื่อเล่นว่า “บอย” ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงของนายจ้าง ได้พักอาศัยอยู่ในบริเวณอาคารก่อสร้างดังกล่าว
พ.ต.อ.ชนะพณ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 ที่สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ระดมกวาดล้างอาชญากรรม เข้มงวดกวดขันจับกุมบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและเข้ามาลักลอบทำงาน ซึ่งไม่ผ่านการตรวจคัดกรองตามขั้นตอน และอาจนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดภายในประเทศได้ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวตามสถานประกอบการกลุ่มเสี่ยงให้เพิ่มความเข้มงวด และให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมถึงให้ติดตามความเคลื่อนไหว พร้อมทั้งให้คำแนะนำแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ที่รับผิดชอบที่เข้ามาประกอบอาชีพและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ต้องยึดถือและปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการขจัดการลักลอบใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยให้กับประชาชน และเพื่อความมั่นคงของประเทศ หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สตม.1178 หรือแจ้งได้ที่ ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดเลย ได้ทุกจุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี