ตุลาการศาลรธน.ออกโรง
เตือนคดี‘บอส’
ทำระบบยุติธรรมสิ้นหวัง
จี้‘ประยุทธ์’ต้องออกมาพูด
เผยตร.สากลถอนหมายจับ
ลบชื่อออกจากอินเตอร์โพล
หลุดพ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ตำรวจสน.ทองหล่อ เจ้าของคดี บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจตาย ย้ำคดี จบแล้วหลังอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง เผยอินเตอร์โพลแจ้งถอนหมายแดงผู้ต้องหาออกจากระบบตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ “เสรีพิศุทธ์”แนะผู้ที่แคลงใจคดีดังกล่าว ร้องให้ กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบได้ ย้ำเป็นเรื่องร้ายแรง จี้ให้ชี้แจงด่วน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้คดี “บอส อยู่วิทยา” ทำระบบยุติธรรมหมดความหมาย จี้นายกฯต้องพูด ให้ชัดส่วน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่านายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมดในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 หลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วนั้น
ถึงแม้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส จะหมดอายุความไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่ทว่าข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จะมีมีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปีที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษได้ แม้พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าวแล้ว แต่มิได้หมายความว่ามูลคดีจะจบลงไปโดยปริยายหาได้ไม่
ถอนหมายจับเป็นอำนาจศาล
ทั้งนี้ การเพิกถอนหมายจับ เป็นอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของศาลที่อนุมัติการออกหมายจับดังกล่าว นั่นก็คือ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้อนุมัติหมายจับทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังใน 2 ข้อหาคือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร ทำให้นายวรยุทธมีสถานะเป็น “ผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาล” ด้วย
คดีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคดีอาญาของแผ่นดิน เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน การที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาสำคัญดังกล่าว และตำรวจก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของอัยการและตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยและความผิดอาญา ซึ่งสมาคมฯจะนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสัปดาห์หน้าต่อไป
แต่สำหรับการอนุมัติการเพิกถอนหมายจับของศาลนั้น เป็นดุลยพินิจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมและเพื่อรักษาบรรทัดฐานทางกฎหมาย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอเรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมดังกล่าว เพื่อขอให้ระงับการอนุมัติให้อัยการเพิกถอนหมายจับดังกล่าวไว้ จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้า เพื่อรอเวลาว่า ณ วันหนึ่งภายใต้อายุความเมื่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส เดินทางกลับมาภายในประเทศไทย ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งตำรวจให้สามารถดำเนินการจับกุมตัว เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามครรลองของกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐได้ต่อไป
“เสรีพิสุทธิ์”พร้อมสอบ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อัยการและตำรวจไม่สั่งฟ้องในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนนายตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี2555 ว่าเรื่องนี้หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามากรรมาธิการป.ป.ช.ที่ตนเป็นประธาน ก็สามารถเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงตรวจสอบได้ เพราะกรรมาธิการมีอำนาจเรียกสำนวนการสอบสวนมาตรวจสอบได้อยู่แล้ว ส่วนกรณีทายาทกระทิงแดงนั้นคงจะวิจารณ์อะไรมากไม่ได้เพราะยังไม่เห็นสำนวน และกรรมาธิการคงไม่ตั้งเรื่องขึ้นมาตรวจสอบเองเนื่องจากจะถูกครหาได้ว่าไปจับผิด ดังนั้นใครที่คลางแคลงใจเรื่องนี้ ก็สามารถร้องเรียนมให้กรรมาธิการตรวจสอบได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดตำรวจไม่คัดค้านอัยการที่มีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่าประเทศไทย ใครมีอำนาจ ใครมีเงิน หลายเรื่องที่เห็นกันอยู่ อำนาจและเงินสามารถปิดปากคนได้หมด อยู่ที่ผู้รับผิดชอบว่าจะมีคุณธรรมเพียงพอหรือไม่ ในการรักษาระเบียบกฎหมาย
วันเดียวกัน ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซ ในคดีดังกล่าวว่าเป็นเรื่องร้ายแรงพร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้
ถอนออกจากอินเตอร์โพล
กรณีอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กรณีขับรถเฟอร์รารี ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ได้แจ้งถอนหมายแดงออกจากระบบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 สถานะตอนนี้ถือว่า นายวรยุทธ เป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ใช่บุคคลตามหมายจับอีกต่อไป
อัยการชี้ระงับถอนหมายจับไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องศาลยุติธรรมขอให้ระงับการขอเพิกถอนหมายจับของอัยการคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ตกเป็นผู้ต้องหา หลังรองอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องทุกข้อกล่าวหา กรณีนายวรยุทธขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้านั้น
แหล่งข่าวจากนักกฎหมายได้ให้ความเห็นถึงข้อกฎหมายเรื่องนี้ว่า การขอให้ศาลระงับการอนุมัติเพิกถอนหมายจับไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ทำให้เหตุที่เป็นข้อกล่าวหาตามหมายจับหมดไป ดังนั้นจึงไม่มีเหตุในการไม่ขอเพิกถอนหมายจับ ทั้งนี่หากตำรวจไม่ขอเพิกถอน หมายจับ นายวรยุทธก็สามารถขอเพิกถอนเองได้ ถึงแม้หมายจับยังอยู่ แต่จับตัวมาก็จะไม่มีเหตุดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาได้อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ท่าทีของทางสำนักงานอัยการสูงสุดต่อกรณีการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ที่ปรากฏเป็นข่าวจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยสำนักข่าวต่างประเทศ ตั้งแต่ช่วงดึกของวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีผู้สื่อข่าวหลายสำนักสอบถามเรื่องนี้เข้าไปยังไลน์กลุ่มสื่อมวลชนของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าในการชี้แจงหรือการนัดแถลงข่าว และเมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยังนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามชี้แจงใดๆ ระบุย้ำเพียงให้รอการแถลงข่าวของนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ต่อไป
ศาลรธน.ระบุนายกฯต้องพูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็น ในกรุ๊ปไลน์กฎหมาย เกี่ยวกับคดีดังกล่าว โดยสรุป ว่า กรณีอัยการ ที่ไม่สั่งฟ้อง และตำรวจที่ไม่แย้ง ซึ่งทั้งคู่ เป็นองค์กรหลักในกระบวนการยุติธรรม ที่เปราะบางอยู่แล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นความล้มเหลว และหมดหวังที่จะพึ่งได้อีกจากคนทั้งประเทศที่รับรู้เข้าใจเรื่องง่ายๆ นี้หมดทุกคน และจะทำให้ระบบความยุติธรรมหมดความหมาย ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป อีกทั้งเป็นแรงเสริมให้การชุมนุมเพิ่มความรุนแรงขึ้น
โอกาสเดียว ที่นายกฯตู่ จะหลุดรอด และพารัฐบาลออกจากพายุอารมณ์ และความโกรธแค้นของผู้คนทั้งประเทศได้ คือการออกมาพูดโดยเร็วที่สุดว่ารัฐบาลไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องนี้ แต่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ไม่ใช่จะมาพูดว่ารัฐบาลจะไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม เพราะ perception ของคนทั้งประเทศ เห็นรัฐบาลสั่งได้หมดมาตั้งแต่ คสช.แล้ว และ นายกฯ จะตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบกระบวนการเรื่องนี้ทั้งหมด จากคนที่สังคมไว้วางใจ โดยให้ทำให้เร็วที่สุด สักสองสัปดาห์ และประกาศว่า ถ้าพบว่ามีอะไรผิดพลาด ทุจริตหรือประพฤติไม่ชอบ
จะลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องอย่างรุนแรงที่สุด เพื่อเรียกศรัทธาและความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมกลับมา และทำให้มี Law and Order ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่คำ้จุนรัฐบาลนี้ในเวลานี้กลับคืนมาเป็นหลักเดียวที่รัฐบาลจะใช้ค้ำจุนตนเองต่อไปได้ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี