กรมประมง เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ร่วมสนองงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรในชนบท โดยเน้นการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านการประมง การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีน และการอนุรักษ์ทรัพยากรประมง เพื่อสร้างอาชีพ ก่อเกิดรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกร
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา กรมประมงร่วมสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกร โดยมุ่งเน้นสร้างอาชีพด้านการประมงและสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้มีการรักษาหวงแหนอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำธรรมชาติ ในหลายกิจกรรม ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 กรมประมงดำเนินงานในโครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ในพื้นที่ 67 จังหวัด มีเป้าหมายดำเนินงาน 77 โครงการ ประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลักคือ 1.กิจกรรมผลิตพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ จำนวน 302,863,000 ตัว 2. กิจกรรมถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านการประมง ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และสนับสนุนปัจจัยการผลิต พร้อมกับให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงสัตว์น้ำแก่เกษตรกร และด้านการแปรรูปสัตว์น้ำ 8,685 ราย 3.กิจกรรมประมงโรงเรียน 765 แห่ง และ 4. กิจกรรมจุดเรียนรู้และสาธิตการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 43 แห่ง ซึ่งได้ผลเป็นรูปธรรม ช่วยแก้ปัญหาความยากจน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และลดต้นทุนรายจ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กรมประมงยังสนองพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชดำริให้กรมประมงฟื้นฟูปลาไทยให้กลับมามีจำนวนมากขึ้นและอนุรักษ์ปลาหายากไว้ เพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทดแทนปริมาณสัตว์น้ำที่ถูกทำลาย ตลอดจนคืนความหลากหลายของชนิดปลา รักษาสภาพความสมดุลตามธรรมชาติของแหล่งน้ำ นำมาซึ่งการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2563 มีเป้าหมายผลิตสัตว์น้ำเพื่อปล่อยแหล่งน้ำธรรมชาติ 45,255,000 ตัว ดำเนินการแล้ว 28,155,100 ตัว โดยเป็นชนิดพันธุ์สัตว์น้ำของไทย เช่น ปลายี่สกไทย ปลาแก้มช้ำ ปลาตะเพียนทอง ปลาบ้า ปลาสร้อยขาว ปลาทรงเครื่อง ปลากระแห ปลากดเหลือง ปลาชะโอน ปลาหมอไทย ปลาจาด เป็นต้น รวมไปถึงฟื้นฟูและขยายพันธุ์กุ้งก้ามกรามให้คืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
นายมีศักดิ์กล่าวอีกว่า ในปี 2563 กรมประมงยังร่วมโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัยโควิด - 19 ในรูปแบบโคกหนองนาโมเดล เพื่อสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด - 19 ที่ต้องหยุดงานและเดินทางกลับภูมิลำเนาในจังหวัดต่างๆ ให้มีงานทำและมีรายได้จากการจ้างงานในพื้นที่ในระหว่างหยุดงาน โดยโครงการฯ ประกอบด้วยฟาร์มตัวอย่าง 30 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ รวม 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ราชบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี สกลนคร บุรีรัมย์ อุบลราชธานี บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม สงขลา พัทลุง นราธิวาส ปัตตานี และยะลา
โดยมีการแบ่งการดำเนินงานโครงการเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 ระยะเร่งด่วน เป็นการดำเนินงานในการปรับสถานที่ในรูปแบบโคกหนองนาโมเดล และจัดทำโครงสร้างพื้นฐานภายในฟาร์มตัวอย่างฯ มีการจ้างแรงงานจากผู้เข้าร่วมโครงการรายใหม่เข้ามาดำเนินการ โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน ระยะที่ 2 ระยะรักษาสภาพเพื่อถ่ายโอน เป็นการดูแลบำรุงรักษาการดำเนินงานของฟาร์มตัวอย่างฯและจัดกลุ่มผู้มีความสนใจในแต่ละด้านเข้ารับการฝึกงานและอบรมความรู้ด้านต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินงานได้หรือนำไปประกอบอาชีพต่อไปได้ ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน และระยะที่ 3 ระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจะมีการถ่ายโอนความพร้อมให้ฟาร์มตัวอย่างฯ รับผิดชอบดูแลดำเนินงานต่อ ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 1 เดือน
กรมประมงได้สนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนให้คำแนะนำด้านวิชาการและส่งเสริมการประมงที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนวิทยากรร่วมบรรยายให้ความรู้ตามที่ฟาร์มตัวอย่างฯ ต้องการ โดยให้หน่วยปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาคประสานงานโดยตรงกับผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างฯ แต่ละพื้นที่ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของฟาร์มและสอดคล้องกับความเป็นไปได้ในการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยมีความก้าวหน้าในการดำเนินการโครงการมาตามลำดับ มีการประชุมหารือเพื่อเตรียมการดำเนินงานครบทั้งหมด จำนวน 30 แห่ง มีการให้คำแนะนำและจัดสร้างแหล่งอาหารธรรมชาติให้สัตว์น้ำแล้ว 23 แห่ง และได้ดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ อาทิ พันธุ์ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพียนทองปลายี่สกไทย ปลานวลจันทร์เทศ ปลาไน จำนวน 21 แห่ง และอบรมให้ความรู้ด้านอาชีพไปแล้ว 17 แห่ง
“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเสด็จพระราชดำเนินไปยังภูมิภาคต่างๆเพื่อทอดพระเนตรความเป็นอยู่ และความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎร พระราชทานแนวความช่วยเหลือราษฎร ซึ่งประสบปัญหาแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาแหล่งน้ำ และการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร ทำให้ทรงเข้าพระราชหฤทัยถึงความทุกข์ยากของราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเฉพาะเรื่องการน้อมนำแนวทางตามหลัก “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และศาสตร์พระราชา มาใช้ในการดำเนินชีวิต คือการพึ่งตนเอง และมัธยัสถ์ ก่อให้เกิดเศรษฐกิจพอเพียง อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”นายมีศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี