พิษพายุ‘ซินลากู’
น้ำป่าถล่มเชียงราย-เชียงใหม่
ตัดถนนขาด-สัญจรวิกฤติ
นายกฯเร่งรัดจนท.ช่วยด่วน
‘มท.1’สั่งผู้ว่ารับมือน้ำท่วม
เร่งค้นผอ.รร.ถูกน้ำซัดหาย
นายกฯ ย้ำเร่งรัด จนท.ลงพื้นที่ช่วยเหลือปชช.น้ำท่วมจากพิษพายุ“ซินลากู”เผยมท.1บินลงพื้นที่พร้อมสั่ง ผู้ว่าฯทั่วไทย 4 แผนป้องกัน-รับมือน้ำท่วม ทบ.ระดมช่วยน้ำท่วมเหนือ-อีสาน เตรียมรับระลอก 2 สถานการณ์น้ำป่าไหลจากพิษพายุ’ชินลากู’ไหลถล่มเชียงราย-เชียงใหม่-ลำปาง ถนนถูกตัดขาด หลายจุด มีนักท่องเที่ยวตกค้าง ส่วนอ.เวียงป่า จมหมื่นหลังคาเรือน จ.ลำปาง น้ำป่าท่วม3อำเภอ วัด-โรงเรียน ถนนตัดขาด ส่วน พิษณุโลก เร่งค้นหา ผอ.โรงเรียน ถูกน้ำป่าซัดจมหาย
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลา11.00น.ที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 2 กรุงเทพ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างในภาคเหนือตอนบนและทั่วพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะหลายอำเภอ ในจ.เลย เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนว่าตนได้กำชับไปตั้งแต่ตอนที่ท่วมแรกๆแล้วว่าให้ทุกหน่วยงานไปดูแลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารและกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่หลายกระทรวงเริ่มเข้าไปดูแลแล้วซึ่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ตอนนี้เป็นช่วงที่พายุเข้ามาหนึ่งลูกคือพายุซินลากู
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ได้รายงานตนว่า เนื่องจากฝนตกเกิน 100 มิลลิเมตร ระบบระบายน้ำจึงรับไม่ได้ ทำให้ท่วมเอ่อเป็นธรรมดา แต่เดี๋ยวก็ลดลง ส่วนของความเสียหายเดี๋ยวต้องมีแผนจัดการ ขณะนี้มี 3 จังหวัด คือ จ.น่าน พิษณุโลก เลย ได้รับผลกระทบและรายงานมาเพิ่มอีก 1 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ ก็พยายามเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งแผนการนั้นทางการนั้นมีอยู่แล้วพร้อมย้ำว่า ขอเตือนว่า ช่วงนี้มี 4 จังหวัดมีความเสี่ยงเนื่องจากมีมรสุมเข้ามาและมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำไหลหลาก แต่ฝนที่ตกหนักถ้าเก็บน้ำได้ตรงไหนขอให้เก็บ ไม่อย่างนั้นวันหน้าจะเกิดปัญหาเรื่องน้ำแล้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รมว.หาดไทยได้ลงพื้นที่แล้ว
มท.1สั่งผวจ.4แผนรับมือน้ำท่วม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ผบ.บกปภ.ช.)ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดลงวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี2563 มีเนื้อหาระบุว่า จากการติดตามสถานการณ์ และผลกระทบจากกรณีพายุ “ซินลากู”พบว่าพายุดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดอุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่เพื่อให้การรับมือผลกระทบจากกรณีพายุ”ซินลากู”เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงขอกำชับการดำเนินการตามแพวกางการเชิญเหตุ ดังนี้ 1.การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย ให้ติดตามการคาดการณ์ลักษณะอากาศ ปริมาณฝนระดับน้ำในพื้นที่ ทำการวิคราะห์ ประมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัยให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย และให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยถึงในระดับชุมชน หมู่บ้าน ตลอดจนสร้างการรับรู้ถึงแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ช่องทางการรับความช่วยเหลือกับภาครัฐ
2.การอพยพประขาชน เมื่อเกิดหรือคาดว่า จะเกิตอุทกภัย ดินโคลนถล่มในพื้นที่ ให้ฝ่ายปกครอง และองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตามแผนการอพยพประขาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ประชาชนจิตอาสา เข้าดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ การแจกจ่ายถุงยังชีพให้ครอบคลุม ทั่วถึง และจัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ 3.เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น อาทิ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร สิ่งสาธารณประโยชน์ สิ่งสาธารณูปโภค ฯลฯ เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือ และฟื้นฟูตามระเบียบโดยเร่งด่วนต่อไปและ4.ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุ”ซินลากู”สรุปสถานการณ์และรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบผ่านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง อย่างต่อเนื่องทุกวัน ในเวลา11.00น.และเวลา18.00น. จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
‘บิ๊กป๊อก’ลั่นจะเร่งช่วยเหลือ
ช่วงบ่าย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่บ้านสูบ ต.น้ำสวย อ.เมือง จ.เลย โดยยืนยันว่า ในพื้นที่ จ.เลย ได้รับความเดือดร้อนมาก จะเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็ว
ทบ.ระดมช่วยน้ำท่วมเหนือ-อีสาน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่าจากสถานการณ์พายุโซนร้อนซินลากูที่ส่งผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ พร้อมกำชับให้ทุกเหล่าทัพเร่งดูแลช่วยเหลือและคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีที่สุดนั้น ในส่วนของกองทัพบก ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2,3 และ 4 ได้จัดกำลังพล 1,600 นาย และยุทโธปกรณ์ อาทิ รถยนต์บรรทุก 65 คัน และเรือท้องแบน เข้าช่วยเหลือประชาชนโดยทันที โดยเฉพาะที่จ.เลย น่าน พะเยา ลำปาง และ อุตรดิตถ์ ช่วยอพยพประชาชน สิ่งของ สัตว์เลี้ยง ใช้รถ และเรืออำนวยการเดินทางและขนย้ายสิ่งของ แจกจ่ายถุงยังชีพ โดยในช่วงกลางคืนเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดดูแลความปลอดภัย ปัจจุบันระดับน้ำลดลงแล้วอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู
เตรียมรับ’ซินลากู’ระลอกสอง
รองโฆษก ทบ.กล่าวว่าโดยในการประชุมที่กองทัพบก ทางพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)สั่งการผ่าน เสนาธิการทหารบกย้ำให้หน่วยทหารในทุกจังหวัดที่เกิดอุทกภัยดำรงความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการช่วยอพยพประชาชน ขนย้ายสิ่งของไปในพื้นที่ปลอดภัย จัดรถครัวสนามและส่งชุดแพทย์ออกดูแลประชาชนร่วมกับทางจังหวัด ควบคู่ไปกับการซ่อมแซมถนน บ้านเรือน ฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะ โดยให้นำยุทโธปกรณ์ที่ประจำหน่วยมีอยู่มาประยุกต์ใช้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมมอบให้แม่ทัพภาคบูรณาการการใช้กำลังในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเตรียมรับสถานการณ์พายุโซนร้อนที่อาจจะเข้ามาเป็นระลอกที่ 2
‘ซินลากู’อ่อนกำลัง-ทั่วไทยฝนชุก
เวลา17.00น.นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน”พายุระดับ1หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณภาคเหนือตอนบน”ฉบับที่11ว่า พายุระดับ 2(ดีเปรสชัน ซินลากู) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ1(หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง)เมื่อเวลา 07.00 น.(3 ส.ค. 63) ปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเมียนมาในระยะต่อไป อนึ่ง ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่พายุระดับ1(หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) ประกอบกับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ช่วงวันที่3-4ส.ค.ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
น้ำป่าไหลท่วมเชียงรายยังอ่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายว่า ล่าสุดถนนหมายเลข 118 ได้ถูกกระแสน้ำตัดขาด และสะพานข้ามแม่น้ำแม่ลาว ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ห่างจากที่ว่าการอำเภอและ สภ.เวียงเป่าเป้า ประมาณ 300 เมตรทำให้ถนนที่เชื่อมระหว่างเวียงเป่าเป้า-ต.แม่เจดีย์ใหม่ ถูกตัดขาดไปอีก 1 จุดและทำให้ถนนทางเลี่ยงระหว่างเชียงราย-เชียงใหม่ จาก อ.เวียงเป่าเป้า ไปทาง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เพื่อเชื่อมระหว่างเชียงราย-เชียงใหม่ ไม่สามารถใช้การได้และผู้ใช้เส้นทางต้องหันไปใช้เส้นทางอื่นโดยอ้อมผ่านทาง จ.ลำปาง หรือทาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ชั่วคราว
ผู้ว่าเชียงรายตั้งศูนย์ช่วยน้ำท่วม
ช่วงเช้านายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พร้อม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จ.เชียงราย นายอำเภอเวียงป่าเป้า และส่วนท้องถิ่นลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พบว่ามีพื้นที่เสียหายมากถึง 17 หมู่บ้านใน 2 ตำบลของ อ.เวียงป่าเป้า ประกอบด้วย ต.แม่เจดีย์ หมู่ที่1,2,3,4,10,11,14,16 และ ต.แม่เจดีย์ใหม่ หมู่ที่ 1,2,3,4,5,6,9,11 และหมู่ที่ 14 โดยผู้ว่าฯเชียงรายได้ตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้าน ตลอดทั้งวันจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
สั่งเฝ้าระวังน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ พบว่าในพื้นที่อื่นๆต่างต้องเฝ้าระวังเพราะฝนยังคงตกหนักโดยพบว่าระดับน้ำตามลำน้ำสายต่างๆ เช่น แม่น้ำจัน แม่น้ำคำ แม่น้ำอิง ฯลฯ มีระดับเพิ่มสูงขึ้นและที่ลำห้วยเขตหมู่บ้านป่าแดง หมู่ 2 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล พบว่าน้ำจากเทือกเขาไหลบ่าลงลำห้วยไหลเชี่ยวอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนทำให้ชาวบ้านริมฝั่งต้องเฝ้าระวังตลอดทั้งวัน
เวียงป่าเป้าท่วม1หมื่นครัวเรือน
นายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย สรุปสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่.เวียงป่าเป้า ได้รับผลกระทบจาก พายุชินลากู ทำเกิดฝนตกหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยจุดหลักเป็น เส้นทางถนนสายเชียงราย- เชียงใหม่ หลัก กม. 93 บ้านป่าจั่น หน้าที่ว่าการอำเภอเวียงบำเป้า นำป่าทะลักท่วมถนนสูง 30 เซนติเมตร ระยะทาง 500 เมตร รถสัญจรไม่สะดวก พื้นที่ที่ได้รับผกระทบจากเหตุอุทกภัย น้ำปาไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า 7 ตำบล 93 หมู่บ้าน 10,372 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 33,150 ไร่
น้ำป่าไหลหลากตัดขาดถึง 6 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม จากถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย หลักกิโลเมตรที่ 33 บ้านแม่หวาน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ถนนสายหลักเชียงใหม่-เชียงราย ยังไม่สามารถผ่านได้ โดยตั้งแต่กิโลเมตรที่ 33-36 ถนนที่กำลังก่อสร้างได้ถูกน้ำป่าไหลหลากตัดขาดถึง 6 จุดโดยบริเวณหลัก กม.ที่ 33 ถนนสายหลักเชียงใหม่-เชียงราย ยังคงมีฝนตกโปรยปรายลงมา และน้ำป่าที่ไหลตัดขาดถนน ยังไหลแรง ไหลเชี่ยว จนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ขณะที่กระแสน้ำที่รุนแรงยังทำให้ถนนเริ่มมีรอยร้าวเพิ่ม
เร่งช่วย200นทท.ตกค้างถูกตัดขาด
ขณะที่ ได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ทั้ง2ฝั่ง รวมแล้วกว่า 200 คน โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกและสายไฟโยนข้ามฝั่งและใช้ตะขอเกี่ยวข้าวกล่องและน้ำดื่มส่งข้าม ลำน้ำแม่กวง ที่กระแสน้ำ ยังไหลเชี่ยวเพื่อส่งไปช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่หวานเพื่อประทังความหิว หลังเส้นทางถูกตัดขาดตั้งแต่บ่ายวันที่ 2 ส.ค.และยังมีนักท่องเที่ยว อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ติดอยู่ที่บ้านปางแฟน บริเวณหลักกิโลเมตรที่40อีก 150คน ไม่สามารถเดินทางเข้าเชียงใหม่ หรือ กลับไปเชียงรายได้ ทำให้ผู้ที่ตกค้างบางส่วนตัดสินใจเดินอ้อมเขามาโดยจอดรถทิ้งไว้อีกฝั่งเพราะรอมาตลอดทั้งคืน
ลำปางท่วม3อำเภอ ถนนตัดขาด
จ.ลำปาง สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากยอดดอยทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรท่วมหลายอำเภอ นายประเสริฐ ต่อเขต หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง สาขาอำเภอวังเหนือ ได้รับรายงานว่า น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวงไหลมาตามลำห้วยและเอ่อท่วม 5 หมู่บ้าน 2 ตำบล กว่า 300 หลังคาเรือน ได้แก่ หมู่ 4 บ้านทุ่งเป้า บ้านใหม่ หมู่ 6 บ้านแม่เฮียว ม.7 ต.วังเหนือ และหมู่ 1 บ้านทุ่งปี้ กับหมู่ 2 บ้านแม่ทรายเงิน ต.ทุ่งฮั้ว ระดับน้ำบางพื้นที่สูงกว่า1 เมตรและเชี่ยว และสำรวจผลกระทบมากที่สุดในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.วังเหนือ อ.แจ้ห่ม และ อ.เมืองปาน บางจุดระดับน้ำสูงถึงระดับอก ที่อ.วังเหนือ น้ำไหลท่วมโรงเรียนวัดบ้านใหม่วิทยา พระ เณรเก็บของโกลาหล และมีสะพานคอนกรีต ถูกน้ำป่าซัดขาด มีประชากร400ครัวเรือน ถูกตัดขาด รถยนต์ไม่สามารถวิ่งข้ามผ่านไปมาได้
ระดมค้นหา’ผอ.โรงเรียนถูกน้ำซัดจม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านลาดคื้อ หมู่ 5 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีผู้ถูกน้ำป่าลำน้ำคานซัดหายตั้งแต่เมื่อคืน ทราบชื่อคือนายนพดล แสนขวา อายุ 53 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยเฮี้ยหมู่ 3 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย ถูกกระแสน้ำลำน้ำคานพัดสูญหาย ขณะไปหาปลากับชาวบ้าน ซึ่งในพื้นที่ได้ระดมชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ปภ.และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อเร่งทำการค้นหา
ต่อมา ช่วงเช้านายวิเชียร ทรงศรี ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 3 พิษณุโลก เดินทางมาที่โรงเรียนบ้านลาดคื้อเพื่อติดตามการค้นหาผอ.โรงเรียนดังกล่าว ในช่วงเช้าเริ่มค้นหาอีกครั้งพบเพียงเบาะแสถุงมือของ ผอ.ติดอยู่กับกิ่งไม้ห่างจากจุดที่ค้นหา ประมาณ 2กิโลเมตร ถึงเวลา12.00น.ยังไม่พบเบาะแส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี