ผศ.นริศ เจริญพร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยมนุษย์ปัจจัยทางวิศวกรรมและการยศาสตร์ และที่ปรึกษาสมาคมการยศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า “เยาวชนทำงานพาร์ทไทม์” อาจมีความเสี่ยงสูงต่ออาการบาดเจ็บสะสมบริเวณกล้ามเนื้อ ซึ่งปัจจุบันพบมากในประชากรกลุ่มวัยทำงานทั่วไป เนื่องจากการทำงานที่หนักเกินกว่าความสามารถทางร่างกายในรูปแบบเดิมอย่างต่อเนื่อง และเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกิจการการขายปลีกน้ำมัน กิจการการบริหารด้านอาหารและเครื่องดื่ม กิจการก่อสร้าง กิจการงานบริการโรงแรม อีกทั้งปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอย่าง “อุณหภูมิ” และ “ภาวะงาน” (Work load) รวมถึงช่วงเวลาการทำงานกลางคืน ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและพัฒนาการของเยาวชนได้ และผลกระทบอาจจะรุนแรงขึ้นหากสถานการณ์ในการทำงานเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น การสัมผัสสารเคมี อันตรายจากสารไวไฟ การยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของน้ำหนักมาก การขับขี่จักรยานยนต์ขนส่ง การทำงานในที่สูง การทำงานในเวลากลางคืน หรือแม้กระทั่งการสัมผัสความร้อนที่สูงเกินขีดจำกัดความสามารถของร่างกาย
ทีมวิจัย ได้ชี้ให้เห็นตัวอย่างผลการจำลองสถานการณ์ในห้องปฏิบัติการมนุษย์ปัจจัยและการยศาสตร์ (human factorsin engineering and ergonomics) ที่สามารถควบคุมสภาพอุณหภูมิได้ ซึ่งใช้ในการศึกษาเรื่อง “สภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน เพื่อหาขีดจำกัดและคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ผ่านกลุ่มตัวอย่างทั้งเพศชายและหญิง ในช่วงวัย 15-17 ปี จำนวน 30 คน ด้วยการทดสอบสมรรถภาพร่างกายจากการปั่นจักรยาน ภายใต้ 3 เงื่อนไขดังนี้ อุณหภูมิ ในระดับ 28, 30 และ 32 องศาเซลเซียส (WBGT) ภาระงาน ในลักษณะงานเบามาก งานเบา และงานปานกลาง ด้วยจักรยานวัดงาน และอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งพบว่า เยาวชนอาจมีความเสี่ยงหากต้องทำงานต่อเนื่องที่สภาพแวดล้อมของอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส และจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากต้องทำงานที่สภาพอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส
จากผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบว่า กฎหมายความปลอดภัยสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน ที่มีอยู่ในปัจจุบันของแรงงานทั่วไปยังไม่เหมาะสม ที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการทำงานเพื่อความปลอดภัยของเยาวชน กล่าวคือ เยาวชนพาร์ทไทม์ จะสามารถทำงานที่ระดับภาระงานเบามากและเบาได้ โดยมีความเสี่ยงต่ำตลอด 8 ชั่วโมง ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิไม่เกิน 28 องศาเซลเซียส และมีภาระงานที่ไม่หนักเกินขีดความสามารถของร่างกาย หากอุณหภูมิสูงถึง 30 หรือ 32 องศาเซลเซียส อาจเป็นอันตรายต่อเยาวชนได้หากต้องทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยอาจส่งผลต่ออาการบาดเจ็บทางระบบกระดูก และกล้ามเนื้อและพัฒนาการทางร่างกายของเด็กได้ กรณีเยาวชนต้องยกของหนักในพื้นที่ทำงานอุณหภูมิสูงและรวมถึงการทำงานในช่วงกลางคืน ทั้งนี้ ทีมวิจัยยังได้ยื่นเสนอแนวทางแก้ไขร่วมกับ กรมสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านกระบวนการทำงาน และสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการ เพื่อคุ้มครองเยาวชนที่ทำงานพาร์ทไทม์ให้มีสุขภาวะที่ดีตลอดการทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี