“ผบช.สตม.” นำทีมแถลง “ตม.1” โชว์ผลงานรวบแก๊งมาเฟียอาหรับ เรียกเก็บค่าคุ้มครอง ทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ย่านซอยนานา พร้อมจับกุมชายไนจีเรียหนีเข้าเมือง พร้อมโคเคน
6 สิงหาคม 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด.ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.ฯ ปรก.ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย จำนวน 2 คดี
คดีที่ 1 สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.กนกนุช (นามสมมติ) หญิงสาวคนไทยที่ทำธุรกิจร้านเสริมสวยได้ร้องทุกข์กับสำนักข่าวว่าสามี คือ นายมูฮัมหมัด (นามสมมุติ) และลูกชายวัย 3 ขวบ ถูกมาเฟียอาหรับที่เป็นที่รู้จักในย่านซอยนานา หรือสุขุมวิทซอย 3 ทำร้ายร่างกายและกรรโชกทรัพย์เอานาฬิกา apple watch ของสามีตนไป โดยในวันที่เกิดเหตุ (3 กรกฎาคม 2563) น.ส.กนกนุช ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี แล้วด้วยส่วนหนึ่ง จึงได้เดินทางมาร้องทุกข์กับทางสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยเสนอข่าวและเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 ได้ทราบข่าวของ น.ส.กนกนุช จึงติดต่อ น.ส.กนกนุช เพื่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม และดำเนินการสืบสวน จากนั้นได้พา น.ส.กนกนุช ไป สน.ลุมพินี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของ สตม. โดยพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้สอบปากคำ น.ส.กนกนุช ซึ่งเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 ได้นำข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำมาขยายผลสืบสวนจนทราบชื่อของผู้ก่อเหตุ
จนกระทั่งได้ร่วมกันวางแผนจับกุม นายรัชวัล ( RSHOAN ) สัญชาติอิรัก และนายกัสซัน (Ghassan) สัญชาติซีเรีย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 415/2563 และ 416/2563 ตามลำดับ ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”
ทั้งนี้ การจับกุมในคดีนี้เกิดจากการสืบสวนและประสานงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 และ สน.ลุมพินี โดยสืบทราบว่า นายรัชวัล พักอยู่คอนโดแห่งหนึ่ง บริเวณสุขุมวิทซอย 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบคอนโดดังกล่าวไม่พบตัว โดยทางนิติบุคคลและผู้ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดไม่ทราบว่า นายรัชวัล ย้ายไปอยู่ที่ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ขอความร่วมมือนิติบุคคลคอนโดและนายหน้าให้เช่าห้องเข้าตรวจสอบภายในห้อง จากการตรวจภายในห้อง พบว่า ภายในห้องมีลักษณะสกปรกไม่พบกระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์เครื่องใช้ถูกย้ายออกไป ลักษณะคล้ายรีบเก็บสิ่งของเพื่อหลบหนีออกจากห้องอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังพบสายนาฬิกา apple watch เมื่อถ่ายรูปให้ผู้เสียหายดู ผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นสายนาฬิกา apple watch ที่ถูกกรรโชกทรัพย์ไป
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 สืบสวนพบเพิ่มเติม พบว่า นายกัสซัน เข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรมาเป็นระยะเวลานาน มีคดีติดตัว 3 คดี ซึ่งอยู่ในระหว่างชั้นพิจารณาของศาล ปัจจุบันทั้ง 3 คดี ศาลสั่งห้ามนายกัสซัน เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และนายรัชวัล เคยถูกจับกุมในข้อหา “หลบหนีเข้าเมือง” จากการสืบสวนพบว่านายกัสซัน และนายรัชวัล ยังหลบหนีการจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 สามารถสืบสวนและจับกุมตัวนายรัชวัล ได้ในข้อหา “หลบหนีเข้าเมือง” และได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับ สน.ลุมพินี จนสามารถออกหมายจับนายกัสซัน และนายรัชวัล ได้ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” พร้อมประสานให้พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี อายัดตัว นายรัชวัล ไว้แล้ว
จากนั้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เวลา 15.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 สามารถจับกุมตัวนายกัสซัน บริเวณคอนโด สุขุมวิท ซอย 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.415/2563 ลง 22 กรกฎาคม 2563 ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” และ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” โดยเจ้าหน้าผู้จับกุมได้นำตัวนายกัสซัน ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 จากการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.๑ ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติ ไนจีเรีย อาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมาย และอาจมียาเสพติดในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย โดยสืบทราบว่า ได้พักอาศัยอยู่ที่คอนโด ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และใช้รถยนต์ ทะเบียน กทม. เป็นพาหนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้ทำการวางแผนเฝ้าติดตามมาโดยตลอด และเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าอยู่บริเวณอาคารจอดรถที่ผู้ต้องหาได้จอดรถทิ้งไว้ ได้สังเกตเห็นชายผิวดำ คล้ายคนต่างด้าว เดินมาเปิดประตูรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการแสดงตนและขอตรวจค้นรถยนต์ของผู้ต้องหา
จากการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ชนิดผงสีขาวอัดก้อน ลักษณะครึ่งวงกลม บรรจุอยู่ในซองพลาสติกใสแบบมีซิปปิดเปิด จำนวน 12 ถุง ถุงละ 1 เม็ด บรรจุในกระเป๋าหนังสีขาวแบบมีซิป โดยวางซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของใต้พวงมาลัยรถยนต์ของผู้ต้องหา จากนั้นผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมขึ้นไปตรวจค้นห้องพักของตน พบสมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม อีกทั้งตรวจสอบเอกสารประจำตัวคนต่างด้าว ซึ่งผู้ต้องหาไม่สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ โดยรับว่าได้หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าได้ซื้อยาเสพติดมาจากชายชาวไนจีเรีย ใช้ชื่อว่า นายนอนโซ่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในกรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้เก็บข้อมูลเพื่อทำการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมเครือข่ายชาวต่างชาติกลุ่มนี้ต่อไป พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหารายนี้ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเปฌนไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี