เสริมสุข สลักเพ็ชร์
กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าจัดคิวส่งรายชื่อสวน GAP พร้อมโรงคัดบรรจุ GMPการันตีคุณภาพ 4 ผลไม้ไทย กล้วย มะพร้าว สับปะรด และขนุน ประกาศเพิ่มในเว็บไซต์จีน จับตาขนุนไทยม้ามืดโตไวในแดนมังกร ส่องยอดส่งออกขนุนปี’62 สูงถึง 75,556 ตัน พุ่งแซงปี’61 กว่า 5 หมื่นตัน
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคสุขภาพและสุขอนามัยพืชไทย-จีน ครั้งที่ 6 ในเดือนธันวาคม 2561 ทั้งไทยและจีนเห็นชอบร่วมกันให้แลกเปลี่ยนข้อมูลทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ 5 ชนิดตามพิธีสารที่ลงนามในปี 2547 โดยผลไม้ไทยที่มีรายชื่ออยู่ในพิธีสารดังกล่าวและได้แลกเปลี่ยนข้อมูลทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุกันไปแล้วในปี 2562 คือ ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด และมะม่วง ส่วนผลไม้จากจีนคือ แอปเปิ้ล แพร์ พืชตระกูลส้ม องุ่นและพุทรา โดยการนำเข้าและส่งออกผลไม้ชนิดที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว กำหนดให้ผลไม้ต้องมาจากสวนและโรงคัดบรรจุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งจากกรมวิชาการเกษตร และ สำนักงานศุลกากรของจีน (GACC) แล้วเท่านั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด กรมวิชาการเกษตรส่งข้อมูลสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ไทยให้จีนพิจารณาขึ้นทะเบียนและประกาศในเว็บไซต์ของ GACC เพิ่มอีก 4 ชนิดคือ กล้วย มะพร้าว สับปะรด และขนุน โดยแยกเป็นกล้วย 3,493 แปลง มะพร้าว 2,203 แปลง ขนุน 1,148 แปลง และสับปะรด 3,101 แปลง ส่วนโรงคัดบรรจุของไทยที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและได้รับการประกาศรายชื่อในเว็บไซต์ของ GACC แล้วรวม 1,520 โรงงาน โดยผลไม้ทั้ง 4 ชนิดที่เพิ่มใหม่นี้เริ่มมีผลบังคับใช้ตามเงื่อนไขนำเข้าส่งออกของทั้ง 2 ประเทศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวอีกว่า ตลาดจีนถือเป็นตลาดส่งออกผลไม้สดรายใหญ่ของไทย ในปี 2561-2562 ผลไม้ไทย 5 อันดับแรกที่มีปริมาณการส่งออกไปจีนสูงสุดคือ ทุเรียน มังคุด ลำไย มะพร้าวอ่อน และ ขนุน โดยปริมาณการส่งออกผลไม้ทั้ง 5 ชนิดดังกล่าวไปจีนปี 2562 สูงกว่าปี 2561 มาก โดยเฉพาะขนุนเติบโตเร็วแบบก้าวกระโดดจากปริมาณส่งออกปี 2561 จำนวน 21,688 ตัน ในปี 2562 เพิ่มปริมาณส่งออกสูงขึ้นถึง 75,556 ตัน หรือเพิ่มสูงขึ้นกว่า 248% โดยมีผู้ส่งออกไทย 25 บริษัทส่งออกขนุนพันธุ์ทองประเสริฐ และพันธุ์ทวาย 8 เดือนไปจีน ขนุนจึงเป็นผลไม้ไทยยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งที่น่าจับตามองการขยายตลาดในจีน เพราะที่ผ่านมาปริมาณส่งออกเติบโตเร็วมาก ปัจจุบันจีนนำเข้าขนุนจากเวียดนามและไทย เมื่อมองภาพรวมปี 2563 นี้ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนแล้วรวมทั้งหมด 822,205 ตัน มูลค่ารวม 60,076 ล้านบาท
“ไทยได้รับอนุญาตให้ส่งออกผลไม้ไปจีน 22 ชนิด ถือว่ามากที่สุดในบรรดาประเทศคู่ค้าของจีนภายใต้เงื่อนไขผลไม้ที่จะส่งออกต้องมาจากแปลงที่ได้รับรองตามมาตรฐาน GAP และโรงคัดบรรจุที่ได้รับรองมาตรฐาน GMP พร้อมทั้งต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลการขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุกับจีน โดยผลไม้ที่จะส่งออกไปจีนได้ สวนและโรงคัดบรรจุต้องผ่านการพิจารณาขึ้นทะเบียนและประกาศในเว็บไซต์ของ GACC แล้วเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันผลไม้ไทยที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประกาศในเว็บไซต์ของ GACC แล้วมี 10 ชนิด คือ ลำไย ทุเรียน มะม่วง ลิ้นจี่ มังคุด ชมพู่ กล้วย มะพร้าว สับปะรด และขนุนดังนั้น หากสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ใดที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้เข้าระบบดังกล่าวให้ยื่นเรื่องขอรับการตรวจรับรองได้ที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร ในส่วนภูมิภาคทั้ง 8 เขตของกรมวิชาการเกษตร” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
กระทรวงเกษตรฯ โดย สศก. เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และในหลวงรัชกาลที่ 10 สืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานเกษตรทฤษฎีใหม่ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นำโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ขับเคลื่อนและขยายผลโครงการแรงงานคืนถิ่น บูรณาการร่วมโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ สร้างต้นแบบการพัฒนาคุณชีวิตด้วยศาสตร์พระราชา เสริมภูมิคุ้มกันชีวิตสู้วิกฤติยุค New Normal
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการโครงการแรงงานคืนถิ่นพลิกฟื้นผืนดิน ด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศพก.อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ว่า ตามที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมาย สศก. ดำเนินการจัดทำโครงการแรงงานคืนถิ่นฯ ภายใต้โครงการ พัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจการเกษตรอาสาประจำศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร โดยอบรมและสาธิตการทำการเกษตรด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อช่วยเหลือแรงงานคืนถิ่น ผู้ว่างงาน และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่ง สศก. ได้เริ่มเปิดตัวโครงการฯ ณ จังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงเดือนกรกฎาคม เดือนมหามงคลของปวงชนชาวไทย ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ขยายผลโครงการ และยึดแนวทาง จ.ศรีสะเกษ เป็นต้นแบบโมเดลขับเคลื่อนโครงการฯ ทั่วประเทศตลอดมา
สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ เป็นอีกหนึ่งวาระโอกาสสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กระทรวงเกษตรฯ โดย สศก. ได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติและขยายผลโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ณ ศพก. อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งมี นายชาญชัย คำวงษา เศรษฐกิจการเกษตรอาสา และประธาน ศพก. อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสมระดับจังหวัด ประจำปี 2559 และ 2561 ที่ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ในพื้นที่ร่วมขับเคลื่อนโครงการในพื้นที่ครั้งนี้ร่วมกัน
พร้อมนี้ สศก. ยังได้บูรณาการร่วมกับโครงการต่างๆโดยเฉพาะโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ และครม. อนุมัติวงเงิน 9.8 พันล้านบาท เป็นโครงการแรก ภายใต้กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ มีเป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่เกษตรทฤษฎีใหม่ถึง 4,009 ตำบล ตำบลละ 16 ราย ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 และ ศกอ. กับ ศพก. ในพื้นที่ มีศักยภาพและความพร้อมเต็มที่เพื่อร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมทั้งยังบูรณาการร่วมกับศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน สถาบันการศึกษาภายใต้ศูนย์ AIC องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกลุ่มองค์กรภาคประชาชน และศูนย์ปฏิบัติการอื่นๆ ในการช่วยเหลือแรงงานคืนถิ่นร่วมกัน ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดอุดรธานีมีจำนวนเป้าหมาย 149 ตำบล
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดผลกระทบต่อเนื่องทั้งทางเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน การฟื้นฟูประเทศทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จำเป็นที่จะต้องดำเนินการครอบคลุมทุกมิติ และผ่านความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย แน่นอนว่าภาคการเกษตร เป็นภาคการผลิตที่สำคัญ เป็นแหล่งผลิตอาหารในประเทศและส่งออกในฐานะครัวของโลก ดังนั้น สภาวะวิกฤติเช่นนี้ ภาคเกษตร มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ในการช่วยแก้ไขปัญหา สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในท้องถิ่นตามแนวทางศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเป็นศาสตร์ที่เป็นทางรอดของอาชีพเกษตรและเป็นความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทยตลอดมา” เลขาธิการ สศก.
ทั้งนี้ เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 ซึ่งความสำเร็จของโครงการแรงงาน คืนถิ่นฯ ตลอดจนโครงการต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ที่ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในครั้งนี้ นอกจากคนรุ่นใหม่คืนถิ่นจะหันทำการเกษตรโดยเข้าใจถึงองค์ความรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์พระราชาเป็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ยังก่อเกิดฐานทรัพยากรน้ำ ดิน และป่าไม้ ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เกิดการกระจายรายได้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เกษตรกรมีอาชีพ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น เศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟู และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี