nn หลังจาก “ไผ่ฎำ” นำเสนอข่าวผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตเขตหนึ่งมีพฤติกรรมขัดต่อระเบียบวินัยข้าราชการร้ายแรง กรณีมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับข้าราชการลูกจ้างในเขตต่างๆ ไม่เลือกหน้ามากมาย ปรากฏมีเสียงกระหึ่มออกมาโต้แย้งว่า ไม่ใช่ชื่อนาย “พอ” แต่เป็นนาย “เภอ” ที่ไม่รู้จักพอ โดยที่วันนี้ข้าราชการคนดังกล่าวยังคงมีพฤติกรรมเดิมๆต่อเนื่อง และหนักขึ้นตลอดเพราะถือว่ามีเส้นใหญ่ไม่เกรงกลัวใคร ท่ามกลางคนที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงพูดอะไรไม่ออก ด้วยเหตุอาชีพข้าราชการค้ำคอ สร้างความอึดอัดใจให้กับเหยื่อบางคนอย่างมากที่คิดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวออกมาแฉ “กาม” สกปรกๆ เพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคนนี้มีปัญหาทางจิตรุนแรง แม้แต่ครอบครัวตัวเองก็ล้มเหลว เหนืออื่นใดเหยื่อที่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยฯท่านนี้บางคนกำลังถูกเพื่อนๆ ตั้งคำถามอื้อว่า กินอะไรเข้าไปจึงเสียท่า “จรกา” หรือถูกวางยา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กำลังมีการหว่านล้อมผลักดันให้เหยื่อบางคนที่เจ็บปวดกับการถูกหลอกกินไข่แดงออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมโสโครกทั้งหมดแล้ว ทำนองเดียวกันเรื่องดังกล่าวก็มีเสียงเตือนจากข้าราชการระดับสูงท่านหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเป็นเรื่องจริง ผช.ผอ.เขตท่านนี้จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย รวมทั้งอาจโดนข้อหา ละเมิดสิทธิมนุษยชน และการค้ามนุษย์ด้วย...
nn มีการร้องทุกข์มาจากประชาชนชาวซอยร่วมฤดี เขตปทุมวันว่าอาคารใหญ่ 2 แห่ง มูลค่าถึงวันนี้ (รวมค่าเสียหายค่าเสียโอกาสและอื่นๆ) เกือบ 3,000 ล้านที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อช่วงปี 2550 บนถนนความกว้างและแนวร่นไม่ถูกต้องตามกฎหมายยังไม่รื้อถอนตามคำพิพากษาของศาล...
nn ว่ากันว่าก่อนก่อสร้างอาคารแห่งนี้ บริษัทเจ้าของอาคารทั้งสองมีหนังสือถึง ผอ.เขตปทุมวัน (ขณะนั้น) เพื่อเข้าตรวจสอบ ความกว้างถนนซอยซึ่งตอนนั้นพบว่าซอยร่วมฤดีมีความกว้าง 10 เมตร ผิวจราจรกว้าง 7.50 เมตร ทางบริษัทจึงยื่นแจ้งความประสงค์ (ขออนุญาตตามกฎหมายอาคารก่อสร้าง)...
nn ต่อมาชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในซอยสงสัยข้องใจมีการร้องเรียนให้ กทม. ตรวจสอบความกว้างของถนนซอยอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าวใหม่พร้อมๆ กับมีหนังสือร้องทุกข์ไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงสำนักการโยธาเข้าตรวจสอบถนนซอยอีกครั้งพบว่า กว้าง 7.80 เมตร-10.40 เมตร (เป็นบางช่วง) เมื่อผลเป็นเช่นนี้สำนักการโยธามีหนังสือให้บริษัทเจ้าของตึกทบทวนการก่อสร้างเสมือนให้หยุดก่อสร้าง แต่บริษัทยื่นอุทธรณ์ วันนั้นคณะกรรมการพิจารณามีมติไม่รับอุทธรณ์ จากนั้นทางสำนักการโยธามีหนังสืออีกครั้งถึงเขตให้ระงับการก่อสร้าง สุดท้าย กทม. และเขตไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ผู้ร้องจึงนำคดีสู่ศาลปกครอง จนเป็นที่มาของการรื้อถอนภายใน 60 วัน นับจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา...
nn ทว่าจากวันนั้นถึงวันนี้อาคารดังกล่าวยังไม่มีใครกล้าแตะทั้งๆ มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้รื้อถอนเขตเองก็สุดลำบาก สำนักการโยธาก็เงียบ หรือมีเหตุการฟ้องร้องอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมีอะไรที่ลึกกว่านี้ ตรงนี้มีผู้คนตั้งข้อสงสัยว่าถ้าปัญหาข้างต้นเกิดกับอาคารเอกชนทั่วไปคงจบไปนานแล้วใช่หรือไม่ทำไมการจะทำอะไรกับคนมีเงินมีทอง จึงมีพิธีขั้นตอนยากลำบากแสนสาหัสเหลือเกิน และงานนี้ เขตหรือสำนักการโยธา อาจตกในภาวะ “ชะตากรรมชะตาทราม” คงหนีไม่พ้นการถูกฟ้องกลับแน่นอน...nn
ไผ่ฎำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี