เปิดปากคำ‘พฐ.-ผู้เชี่ยวชาญ’! แจงกมธ.ยิบปมคดี‘บอส’ รับกลับความเร็วเฟอร์รารี่
13 สิงหาคม 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ร่วมกับ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน ที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ร่วมกันเป็นประธานการประชุม
ที่ประชุมได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส มาชี้แจงต่อ กมธ.เป็นครั้งที่ 3 หลังจาก 2 ครั้งแรก ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรงไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง ทำให้มีการเรียกเป็นครั้งที่ 3 โดยตอนหนึ่งของการประชุม หลังจากนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ได้ชี้แจงและตอบข้อซักถามต่อ กมธ.กฎหมาย เสร็จสิ้นแล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : คำต่อคำ‘เนตร นาคสุข’! กมธ.รุมซักปมคดี‘บอส’ ยัน‘ลาออก’จริงเพื่อองค์กร)
ในส่วนของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ. 4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวชี้แจงและยอมรับว่า การคำนวณความเร็วรถครั้งแรกได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ที่ในสำนวนเป็น 79.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเชื่อการคำนวณของ อาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพราะเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง ประกอบกับมีเวลาในการพิจารณาสำนวนน้อย จึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบ และพบว่าคลาดเคลื่อน ร้อยละ 46 ต่อมาได้รายงานผู้บังคับบัญชาใหม่ว่าความเร็วอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่ได้กลับคำให้การ แต่มาพบว่า ไม่ปรากฏในสำนวน ประกอบกับเข้าใจผิดว่าข้อหานี้ขาดอายุความแล้ว จึงไม่ได้ตามเรื่อง และไม่เคยชี้แจงต่อกรรมาธิการของสนช.
“ขอยืนยันว่า ผมไม่เคยได้รับคำสั่งจากใครให้วิ่งเต้นคดีนี้ ยินดีพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน การทำคดีให้ประชาชนทำด้วยความยุติธรรมด้วยความทุ่มเทตลอดมา” พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ กล่าว
ส่วนนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า ที่มาของความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาจากการที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีข้อตกลงร่วมกันในการตรวจพิสูจน์คดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2555 ตนได้ร่วมตรวจสอบสถานที่เพื่อวัดความเร็วของรถเฟอร์รารี่ เพื่อต้องการวัดความเร็วให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเลือกกำหนดจุดจากกล้องวงจรปิดตัวเดียวกันกับที่บันทึกภาพได้
ทั้งนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 2 คน ไปอยู่คนละจุดกัน คนหนึ่งอยู่ในตำแหน่งที่รถยนต์เฟอร์รารี่เต็มคันเข้ามาในเฟรมของภาพ คนที่ 2 ยืนอยู่จุดที่รถยนต์เฟอร์รารี่ออกจากเฟรมของกล้องจนถึงขอบซ้ายสุด จากนั้นทำการวัดระยะทางที่รถเคลื่อนที่จริงบนถนนที่เกิดเหตุจริง ในวันนั้นเราได้ระยะทาง 3 กม. ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถคันนี้วิ่งเร็วกว่าคันอื่นที่อยู่บนถนนในวันเดียวกันโดยวิ่งเร็วกว่า 2 เท่า ซึ่งเป็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาที่ผ่านหน้ากล้องวงจรปิดจะมีเวลาผ่านหน้ากล้องไม่ถึง 1 วินาที
ดังนั้น ในวันที่ 6 ก.ย. 2555 เราได้ความเร็วรถโดยประมาณแล้วว่ารถยนต์คันนี้เคลื่อนที่ด้วยระยะทาง 30 เมตร ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นอัตราความเร็วกิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วพบว่ามีความเร็ว 108 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเราแน่ใจแล้วว่ารถยนต์เฟอร์รารี่คันนี้วิ่งเร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน
นายสธน กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 7 ก.ย. 2555 ได้รับคลิปบันทึกภาพกล้องวงจรปิดจากพนักงานสอบสวน จึงได้นำมาวิเคราะห์เพิ่มเติม โดยใช้โปรแกรม ฮีโร่ เวกเตอร์ โดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาแสดงทีละภาพ เพื่อพิจารณาว่าภาพรถเฟอร์รารี่ที่อยู่ด้านขวามือสุดเต็มคันจนถึงด้านซ้ายมือสุดเต็มคันทีระยะห่างเท่าใด ซึ่งวัดได้เป็นช่วงเวลาคือ 0.63 วินาที หรือน้อยกว่า 1 วินาที ซึ่งสมการที่คำนวณความเร็วคือสมการคงที่เป็นสมการเดียวโดยมีอัตราเฉลี่ยคือ ระยะทางในการเคลื่อนที่ หารด้วย เวลา เราจึงนำ 31 เมตร หารด้วยเวลา คือ 0.63 วินาที ได้ผลลัพธ์มาคือ 49 เมตรต่อวินาที เมื่อเปลี่ยนเป็นความเร็วจะได้เท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเมื่อคำนวณได้ก็ทำบันทึกส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน
ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถส่งความเห็นตรงถึงพนักงานสอบสวนได้ เพราะตนเองอยู่ในฐานะที่ปรึกษาของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง จึงต้องส่งเรื่องตามขั้นตอน ซึ่งได้ระบุในบันทึกว่า รถเฟอร์รารี่คันนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วระหว่าง 160-184กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ขอยืนยันความมั่นใจในตัวเลขความเร็วที่ได้ทำการพิสูจน์และไม่ทราบถึงสาเหตุที่ตำรวจได้ทำการพิสูจน์ความเร็วของรถใหม่โดยไม่ได้มีการนำผลการพิสูจน์ของคณะวิทยาศาสตร์ฯ จุฬาฯ เข้าบรรจุในสำนวนการสอบสวน
ด้านนายณรงค์ โพธิเกตุ ทันตแพทย์ ผู้ทำการรักษาฟันให้นายวรยุทธ ชี้แจงว่า นายวรยุทธ เข้ามาเป็นคนไข้ของตนเองเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2554 มาปรึกษาเรื่องการทำฟันเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป ครั้งสุดท้ายที่มาพบตนเองคือวันที่ 29 ส.ค. 2555 ซึ่งบริเวณที่นายวรยุทธได้ทำการครอบฟันไว้มีการขยับ ทำให้มีอาการอักเสบและบวมแดง จึงได้ทำการรักษาและจ่ายยา คือยาอะม็อกซีซิลลินในปริมาณ 500 มิลลิกรัม เพื่อให้รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน
ประธาน ก.อ.โยน อสส.ชี้เเจง - รับผิดชอบกันเอง ปมเลขาฯครม.สอบถามคุณสมบัติแต่งตั้ง เนตร-ปรเมศวร์ เสนอองคมนตรีชี้เลขาฯก.อ.ไม่ส่งเอกสารให้ที่ประชุมก.อ.ดู เเจงในที่ประชุม ไม่ใช่การตีกลับ แค่เป็นสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ตามที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (The United Nations : UN) มีมติเห็นชอบประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International A
“ป.ป.ช.” ชง “ปปง.” ลุยสอบเส้นทางการเงินบุคคลเอี่ยว “คดีบอส” ทั้งหมด รวม “จารุชาติ มาดทอง” ด้วย สาวลึกมีใครได้รับผลประโยชน์อื่นใดหรือไม่ ก่อนชงที่ประชุมชุดใหญ่พิจารณา
เดินต่อไม่ได้! ประธานสอบวินัย‘เนตร นาคสุข’สั่งไม่ฟ้องบอส ยื่นลาออก
“ไพรัช”ปธ.สอบ\"เนตร นาคสุข\"คดีสั่งไม่ฟ้องบอสเดินหน้าลุยสอบพยานขั้นตอนการสั่งคดีชอบหรือไม่ เรียก\"วิชา-เข็มชัย \"สอบใครเอี่ยวเพิ่ม ด้าน\"เนตร”เคลื่อนไหวแล้ว ยื่นคัดค้าน กก.สอบชั้นต้นเหตุไม่เเจ้งล่วงหน้าให้คัดค้าน -ให้ข่าวสื่อ เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) ได้เป็นประธานการประชุม ก.อ.ครั้งที่10/2563 โดยมีวาระการประชุมสำคั
ป.ป.ช.เตรียมรื้อคดีตำรวจช่วยเหลือ “บอส อยู่วิทยา” ไม่ออกหมายจับคดีเมาแล้วขับ หลังก่อนหน้านี้เคยชี้มูลวินัยไม่ร้ายแรง
นายกฯชี้คดี “บอส อยู่วิทยา” มีความคืบหน้าตามลำดับ ป.ป.ท.กำลังรวบรวมอยู่ ยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานอินเตอร์โพลออกหมายแดงแล้ว จับได้ทันที ย้ำนายกฯไม่สามารถเนรมิตได้ทุกอย่าง เชื่อเดี๋ยวมีอะไรออกมาอีกแน่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี