เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 ส.ค.63 นายออน อุ่นทวีทรัพย์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว สืบทราบว่ามีการลักลอบนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามาเก็บซุกซ่อนอยู่ในอาคารร้านค้าภายในตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว, พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชค.กรม.ทพ.12(ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12) และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจค้นร้านค้าเป้าหมายบริเวณตลาดเทศบาล3 ซอย 1 ภายในตลาดโรงเกลือฯซึ่งเป็นร้านค้าของชาวกัมพูชา 

แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และด่านพรมแดนอรัญประเทศ ถูกสั่งปิด ทำให้ตลาดโรงเกลือยังไม่เปิดทำการค้า แต่ห้องค้าขายดังกล่าวซึ่งมีประตูเหล็กม้วนปิดด้านหน้า มีร่องรอยของการขนถ่ายสินค้าเข้าออก เจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดประตูพบภายในอาคารค้าขายดังกล่าวมีการเก็บสินค้าบรรจุกระสอบไว้เป็นจำนวนมากคล้ายแปรสภาพเป็นเหมือนโกดังเก็บสินค้า เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดกระสอบออกดูพบภายในกระสอบมีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จำพวก ชุดกีฬา,ผ้าปูที่นอน,ผ้าห่มนวม,รองเท้าผ้าใบ และกระเป๋าสตรี ซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก ตรวจสอบโดยรอบไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงร่วมกันทำการตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดบรรทุกใส่รถยนต์ปิคอัพจำนวนถึง 3 คัน มาทำการตรวจเช็คและตรวจสอบที่ สำนักงานด่านศุลกากรอรัญประเทศ บ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่พบว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นสินค้าลอกเลียนแบบหรือสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าแบรนด์ดังต่างประเทศ ที่ผลิตมาจากประเทศจีน คาดว่าพ่อค้าชาวกัมพูชา ลักลอบนำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้ประเทศไทยสั่งปิดด่านพรมแดนอรัญประเทศ ตลาดโรงเกลือจึงต้องปิดการค้าขายไปโดยปริยาย และช่วงนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางมาที่ตลาดโรงเกลือ ทำให้พ่อค้าชาวเขมรเริ่มลักลอบขนออกมาเพื่อส่งขายทำให้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสจึงเข้าตรวจค้นและสามารถตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ไว้ได้ทั้งหมด กว่า 1หมื่นชิ้น มีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า2ล้านบาท 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และสืบสวนหาตัวเจ้าของสินค้าดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป