เรื่องของ 3 สาร ดูแล้วคงยังไม่จบง่ายๆเกษตรกรยังออกมาเรียกร้องอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับผลกระทบ จากการที่ไม่สามารถหาสารทดแทนที่มีราคาถูกกว่า ปลอดภัยกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่า 3 สารที่โดนแบนมาใช้ในการทำเกษตรได้ และเมื่อวันก่อนก็มีเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองไปบุกถึงกระทรวงเกษตรฯ เพื่อจี้ให้ทบทวน ผ่อนผัน และขยายเวลาให้เกษตรกรเกี่ยวกับการนำสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส คืนร้านค้า ซึ่งจากเดิมได้กำหนดระยะเวลาผ่อนผันให้เกษตรกรนำสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส มาคืนที่ร้านค้าภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2563 นี้ แต่เกษตรกรอยากให้ขยายเวลาออกไปก่อน โดยมี นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงมารับเรื่องและฟังปัญหาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งนายธนาเปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับตัวแทนเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ตนหารือร่วมกับกลุ่มเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง จำนวน 100 คน เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส โดยเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอข้อมูลชุดใหม่เรื่องสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตของเกษตรกร โดยขอให้เสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย(คกก.วัตถุอันตราย) เพื่อพิจารณาผ่อนผันจากเดิมได้กำหนดระยะเวลาผ่อนผันให้เกษตรกรนำสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสมาคืนที่ร้านค้า ภายในวันที่29 ส.ค. 2563 นี้ ตลอดจนเพื่อหารือร่วมกันในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร และนายธนาบอกว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข โดยจะส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตรายอย่างเร่งด่วน และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้มีความถูกต้องมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในอีกฟากฝั่งของเกษตรกรที่ยึดมั่นต่อการคัดค้านการแบน 3 สาร มาโดยตลอดอย่าง นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย และนายกสมาคมเกษตรปลอดภัย ก็มีการแจ้งข่าวมาว่า ในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 ตัวแทนเกษตรกรเครือข่ายเกษตรปลอดภัย จะเดินทางไปที่กระทรวงเกษตรฯ เช่นกัน เพื่อยื่นหนังสือข้อเสนอให้มีการทบทวนให้ผ่อนเกษตรกรใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูฝนวัชพืชขึ้นจำนวนมากไม่สามารถจำจัดได้ทันท่วงที ไม่มีสารใดที่ทดแทนพาราควอตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีต้นทุนที่ต่ำ และหากไม่ได้รับการผ่อนผันก็อาจจะทำให้เกษตรกรที่นำสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส ไปส่งคืนร้านไม่ทันวันที่ 29 สิงหาคม 2563 นี้ จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีครอบครองสารพาราควอตได้ พร้อมกับขู่ว่า ได้มีการตกลงกับสมาชิกในระดับหนึ่งแล้วว่า หากสามารถรวบรวมสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสได้ ก็อาจจะนำไปคืนที่ทรวงเกษตรฯ เสียทีเดียวเลย และจะขอเงินค่าสารเคมีที่คืนไปด้วย เพราะเกษตรกรได้ลงทุนซื้อไปแล้ว และไม่มีเงินที่จะไปซื้อสารเคมีอื่นที่มีราคาแพงได้อีกแล้ว...ดูแล้วหนังม้วนนี้ยังคงมีฉายอีกยาวหลายตอนครับ
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี